บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
418
2 นาที
7 มีนาคม 2568
Neuromarketing การตลาดขายของ ให้ถูกใจ "สมอง"
 

 
การเพิ่มยอดขายโดยใช้หลักการทางจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้อง มีหลายรูปแบบเช่น Psychology of Happiness , Decoy Effect , Tugging At Emotions , Social Proof , Illusion of Scarcity เป็นต้น ส่วนแบรนด์จะเลือกใช้แบบไหนอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับไอเดียด้านการตลาดเป็นสำคัญด้วย
 
แต่วิธีที่ดูจะได้ผลมากคือการ “อ่านใจ” หรือรู้ก่อนว่าลูกค้าต้องการอะไร การนำเสนอสินค้าให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า จะทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นวิธีนี้เรียกว่า Neuromarketing เป็นหลักจิตวิทยาที่สัมพันธ์กับการทำงานของสมองในส่วนที่เรียกว่า Reptilian Brain ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับพฤติกรรมประเภท “สัญชาตญาณ” เช่น ลักษณะนิสัย ความเคยชิน การเอาตัวรอด และพฤติกรรมที่อยู่ในจิตใต้สำนึก
 
การสร้างแคมเปญการตลาดที่สามารถเร้าสมองในส่วนนี้ได้จะทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง คล้ายกับการเปิดโทรศัพท์แล้วไปเจอข่าวสารมากมาย เราเองก็ไม่ใช่จะอ่านทุกข่าว แต่ถ้าเลื่อนไปเจอข่าวอะไรก็ตามที่สนใจ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตตัวเอง เช่นข่าวรัฐบาลพร้อมแจกเงินหมื่น หรือข่าวสถานีบริการน้ำมันประกาศลดราคา ส่วนใหญ่เราก็จะเข้าไปดูเนื้อหาข่าวเหล่านี้ เพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเราหรือว่าเราสนใจ 
 
วิธีการนี้นำไปประยุกต์ใช้กับการเพิ่มยอดขายให้สินค้าได้หลายรูปแบบ เช่น

 
1.การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ลูกค้า ยกตัวอย่าง Eye tracking หรือการตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตา , การวิเคราะห์สีหน้า (Facial Coding) รวมถึงการตรวจจับการคายประจุไฟฟ้าในสมอง (EEG) เป็นต้น วิธีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้แบรนด์ระดับโลกส่วนใหญ่ใช้กันเช่น Google , Coca-Cola , Spotify , PepsiCo เป็นต้น
 
2.การใช้ตัวหนังสือที่ง่ายกระตุ้นให้เกิด action ตัวหนังสือธรรมดานั้นกระตุ้นให้เกิด การกระทำ (action) ได้มากกว่า โดยเฉพาะในการทำเว็บไซต์ที่มีปุ่ม call to action ต่างๆ และมีโอกาสให้ลูกค้าเข้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ที่ได้มากขึ้นด้วย
 
3.การเล่นเฉดสีมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า เช่นการใช้สีแดงและสีส้มในการตลาดประเภทอาหาร เพราะมีผลในการกระตุ้นสมองของมนุษย์ให้อยากอาหาร เป็นต้น
 
 
การนำ Neuromarketing ไปใช้ไม่ได้จำเพาะว่าต้องเป็นธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง แต่ใจความสำคัญคือเป็นทฤษฏีที่เอาไว้อ่านใจหรือเข้าใจความต้องการลูกค้า สามารถใช้ได้ในหลายธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายเช่น สินค้าอุปโภคบริโภค , บริการด้านการเงิน , การดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม , การท่องเที่ยว , เสื้อผ้า เป็นต้น
 
เหมือนที่ครั้งหนึ่ง ซุปกระป๋อง Campbell’s ได้นำเอา Neoroscience มาช่วยในการวิเคราะห์ลูกค้าพบว่าแพคเกจจิ้งของแบรนด์ที่ผู้คนบอกว่าดีแล้วก็จริง แต่พอวัดด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ กลับสะท้อนมุมลูกค้าว่า การออกแบบแพคเกจจิ้งดูแบบเก่าลูกค้าไม่ดึงดูดให้ลูกค้าอยากซื้อ พอได้ข้อมูลแบบนี้ ทางบริษัทออกแบบใหม่ ลองเติมควันลอยเบาๆ เข้าไปในแพคเกจจิ้ง ทำให้ดูมีอีโมชั่นมากขึ้น กลายเป็นว่าเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นด้วย
 
อีกสักตัวอย่างกรณีของ Starbucks คือการสร้าง Campaign ที่มีความ Limited ต่างๆออกมาเช่นเครื่องดื่มที่มีเฉพาะในช่วงเวลาบางอย่างเท่านั้นหรือกิจกรรมที่มีในวันเดียวต่อสัปดาห์หรือในช่วงเวลาเท่านั้นทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้นกลัวที่จะสูญเสียโอกาสจนต้องยอมที่จะเข้ามาใช้บริการจนกลายเป็นกระแสในบางครั้งได้
 
 
Neuromarketing เป็นเพียงทฤษีด้านการตลาดที่พูดถึงการวิเคราะห์ลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายแต่ในด้านปฏิบัติที่แท้จริงก็จำเป็นต้องใช้หลักการตลาดอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย จึงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจได้อย่างสูงสุดแท้จริง
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
631
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
544
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
495
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
463
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
442
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
440
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด