บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
668
2 นาที
18 มีนาคม 2568
“ERRC” กลยุทธ์สร้าง “Blue Ocean” ปี2025
 

ในโลกของธุรกิจมี 2 คำที่คุ้นเคยกันดีคือ Red Ocean และ Blue Ocean ความแตกต่างระหว่าง 2 ตลาดนี้คือ
 
Red Ocean - เน้นที่ “ราคา” เป็นหลัก ความภักดีของลูกค้าต่อแบรนด์ (Brand Royalty) ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะลูกค้ามีตัวเลือกเยอะ จึงต้องแข่งขันกันที่คุณภาพและราคาแทนการเน้นความแตกต่างจากแบรนด์อื่น
 
Blue Ocean - เน้นการแข่งขันในการสร้างความต้องการ (Demand) ใหม่ขึ้นมา ผ่านการสร้างสินค้าใหม่ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันไม่สูงมาก และมีคู่แข่งน้อย แต่การใช้กลยุทธ์นี้จะต้องอาศัยความรอบคอบในการสำรวจตลาด และเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงกลุ่มด้วย
 
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในโลกของธุรกิจจึงมักจะหาวิธีหลีกหนีจาก Red Ocean ที่คู่แข่งเยอะมาก และมุ่งสู่ตลาดที่เป็น Blue Ocean ที่คู่แข่งน้อยกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายได้มากกว่า
 
 
ถ้าจะให้ดูตัวอย่างของธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Blue Ocean มีอะไรบ้าง เช่น
  • บริษัท Apple ในช่วงที่ Steve Jobs เป็น CEO (iPod, iPhone, iPad, Macbook Air)
  • Netflix ที่เปลี่ยนจากการให้คนไปเช่าหนังที่ Blockbuster ให้สามารถดูหนังผ่าน Netflix ได้ที่บ้าน
  • สถาบันธนาคารที่หันมาใช้แอพพลิเคชันในการทำธุรกรรมการเงิน
  • ธุรกิจร้านอาหารที่ใช้เทคโนโลยี Virtual Restaurant ในการส่งภาพเมนูให้เลือกค้าได้ดูแบบเสมือนจริงเป็นมิติใหม่ในการเพิ่มยอดขายที่ทำให้ร้านแตกต่างจากแบรนด์อื่นมากขึ้น
  • Honda สร้าง Blue Ocean ในตลาดรถยนต์ SUV Hybrid ด้วยรถ Honda CR-V Hybrid ที่ให้ผู้บริโภคทั้งความสปอร์ต ประหยัดพลังงาน และมีคุณสมบัติที่ทำให้แตกต่างจากรถยนต์ SUV อื่นๆ ในตลาด
  • ฟาร์มโชคชัย พัฒนาธุรกิจสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ 

ทั้งนี้การที่สินค้าจะก้าวสู่ Blue Ocean ก็ไม่ใช่เรื่องที่นึกจะทำได้ทันทีจำเป็นต้องมีการศึกษาและวางแผนมาเป็นอย่างดีโดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่
  • หาจุดเด่นของสินค้าที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ และวางแผนการตลาด
  • ศึกษาพื้นที่ตลาดและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน
  • เปรียบเทียบตำแหน่งของธุรกิจคู่แข่งกับธุรกิจของเรา จากนั้นมองหาตำแหน่งใหม่ที่เราต้องการขาย
  • พิจารณาข้อจำกัดในการผลิตและการขายของตัวเอง และหาวิธีก้าวข้ามข้อจำกัดนั้น
  • สร้างสูตรสำเร็จของธุรกิจในแบบของตัวเอง
และเพื่อให้แต่ละธุรกิจที่ต้องการก้าวสู่ Blue Ocean ได้ง่ายขึ้น นักการตลาดจึงได้มีการพูดถึง ERRC Framework ซึ่งก็คือ กรอบการทำงานที่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ (Strategic Framework) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้แบรนด์และธุรกิจได้มีแนวคิดใหม่ๆ ประกอบด้วย
 
 
E = Eliminate คือการกำจัดบางสิ่ง ที่ธุรกิจเคยเสนอให้กับลูกค้า โดยไม่ได้มองว่าลูกค้าต้องการจริงหรือไม่ ซึ่งบางครั้งลูกค้าจำเป็นต้องเลือกใช้ เพียงเพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า เช่น บางสายการบินที่ตัดการเสิร์ฟอาหารเพื่อให้ต้นทุนในการเดินทางของผู้โดยสารถูกลง
 
R= Reduce คือการลดบางสิ่งให้น้อยลงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเพราะมันอาจมากเกินไปต่อความต้องการของลูกค้าและเป็นการเพิ่มต้นทุนที่ไม่จำเป็นอีกด้วย
 
R =  Raise คือการเพิ่มบางสิ่งที่ช่วยเพิ่มคุณค่า ให้กับสินค้าและบริการของแบรนด์ให้มากกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น ร้านสะดวกซื้อที่เปิดให้บริการ 24 ชม. เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าและเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ตัวเองได้
 
C = Create คือการสร้างบางสิ่งที่ลูกค้าต้องการ แต่ไม่เคยมีใครตอบสนองมาก่อน เช่นSpotify ได้เพิ่ม AI ที่ช่วยวิเคราะห์เพลงที่เราฟังเป็นประจำเพื่อแนะนำเพลงที่เราน่าจะชอบ
 
และนอกจากคำว่า Blue Ocean ที่คนส่วนใหญ่รู้จักแต่แท้ที่จริงในแต่ละธุรกิจก็จะมีเป้าหมายทางการตลาดที่แตกต่างและอาจไม่ใช่ทุกธุรกิจที่ต้องการมุ่งหา Blue Ocean แต่ยังมีอีกหลายตลาดที่น่าสนใจเช่น Green Ocean ตลาดของธุรกิจรักษ์โลก รักสุขภาพ , White Ocean ตลาดของธุรกิจที่มีจุดยืนเคียงข้างผู้บริโภค เป็นต้น

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
536
หมดยุคทอง อพาร์ตเมนต์-หอพัก จากเสือนอนกิน สู่แมว..
500
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
469
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
460
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
420
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด