บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
357
2 นาที
11 มิถุนายน 2568
“Girl Math” กลยุทธ์ดึงเงินลูกค้า ยอมจ่ายแบบเต็มใจ
 

Girl Math หรือแปลว่า คณิตศาสตร์แบบผู้หญิง ใช้พูดถึงวิธีการจับจ่ายใช้สอยที่มักจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลแปลกๆมารองรับการใช้จ่ายของตัวเอง เป็นเทรนด์ฮิตใน TikTok โดยมีผู้เข้าชมใน #girlmath มากกว่า 55 ล้านครั้ง หากจะพูดให้เข้าใจง่ายอีกนิด Girl คือการซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ความต้องการ” มากกว่าการใช้ “เหตุผล” สินค้าบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องซื้อ แต่ด้วยความอยากได้ก็มีเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง
 
ยกตัวอย่าง เช่น ซื้อของลดราคา = เหมือนได้ “กำไร” เพราะราคาจริงมันแพงกว่านี้
 
ใช้เงินสดหรือบัตรของขวัญ = ไม่ใช่เงินจริงนะ เหมือนได้ฟรี
 
ซื้อกาแฟวันละ 100 บาท = แค่ 3,000 บาทต่อเดือนเอง ถูกกว่าซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมตั้งเยอะ
 
หากใช้เงินไม่ถึง 150 บาท  ถือว่าฟรี
 
หากเอาของไปเปลี่ยนที่ร้าน แล้วเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย เพื่อได้ของแพงกว่า หมายความว่าได้ของใหม่ในราคาถูกลง
 
 
ซึ่งตรรกะ เหล่านี้ ทำให้ Girl Math กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และมีหลาย ๆ แบรนด์มองเห็นโอกาสในการทำการตลาดจากเทรนด์นี้ ตัวอย่างเช่น
  • ร้านเครื่องสำอาง Ulta Beauty ที่ทำคอนเทนต์ว่า “เมื่อคุณใช้จ่าย 300 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ Ulta Beauty แต่ใช้คะแนนสะสม Ultamate Rewards แลกส่วนลดทั้งหมด ก็ถือว่าได้ของมาฟรี” พร้อมติดแฮชแท็ก Girl Math 
  • Starbucks ซื้อครบจำนวนแก้วแล้วได้ฟรี 1 แก้ว หรือใช้พอยต์แลกกาแฟ ในมุมของ Girl Math แบบนี้คือ กินบ่อย = ใช้พอยต์แลก = กาแฟฟรี = กำไร!
  • Apple ที่พนักงานขายมักให้แนวคิดเกี่ยวกับ Girl Math เช่น Apple Watch ราคา 10,000 ใช้ทุกวัน 2 ปี = วันละ 13.7 บาท” ถูกกว่าชานมไข่มุก!
  • Lazada / Shopee มีฟีเจอร์ Coins, คูปองลด, Lucky Draw สำหรับแนวคิดแบบ Girl Math ใช้เหรียญลด = จ่ายน้อยลง = ไม่รู้สึกผิดเวลาจ่ายค่าสินค้า 
Girl Math จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ตลกๆ แต่กลายเป็น กลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด ในการดึงอารมณ์-ความรู้สึกของผู้ซื้อให้รู้สึกว่า “คุ้ม คุ้ม และคุ้ม”
 
และยังมีวิธีที่แบรนด์นำเอา Girl Math ไปใช้ในการตลาดได้อีกหลากหลายเช่น
 

 
1.ใช้คอนเทนต์ตลก+ตรงใจ
 
รองเท้าคู่นี้ลด 50% เหลือ 990 จาก 1,980  เท่ากับซื้อรองเท้า 1 ข้างแค่ 495 บาท 
 
2.เขียนแคปชั่นให้ลูกค้าอยากใช้ Girl Math
 
ซื้อครบ 1,000 ได้ของแถม = ได้ของฟรี = คุ้มมาก
 
 
3. สร้างแคมเปญ UGC (User-Generated Content) ชวนลูกค้าโพสต์หรือรีวิวสินค้าพร้อมแฮชแท็ก #GirlMath เช่น “Girl Math ของฉันคือซื้อชุดนี้เพราะฉันจะใส่ 10 งาน = คุ้ม 
 
4. ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายตลก/ไลฟ์สไตล์ให้ครีเอเตอร์ทำคลิปโชว์ “ตรรกะ Girl Math” กับสินค้า 

เช่น “ลิปสติกนี้ 599 แต่ใช้ได้ทุกวัน = ตกวันละไม่ถึง 20 บาท = เหมือนได้ฟรี 
 
 
5. ทำ Pop Culture Tie-in 

ถ้าสินค้าเกี่ยวข้องกับผู้หญิงก็สามารถจัดธีมแคมเปญ “Girl Math Day” ได้เลย เช่น “มาซื้อของกับเพื่อน = ใช้เงินแต่มีความสุข = ถือว่าคุ้ม”
 
แนวคิดแบบ Girl Math ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้ออกมาเตือนว่าให้ระวังถ้าใช้จ่ายแบบนี้อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ตามมาในภายหลัง ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่แบรนด์เองก็ต้องใช้วิธีนี้ด้วยความระมัดระวังเช่นกัน

อย่างไรก็ดีในแง่มุมดีๆ อีกด้านที่ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวคือ Girl Math ช่วยให้มนุษย์ได้วางอารมณ์ และความอยากได้เอาไว้ก่อน และมองการซื้อนั้น ๆ ในมุมความคุ้มค่า โดยเฉพาะการซื้อของชิ้นใหญ่ ที่เราอาจไม่สามารถซื้อได้บ่อย
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
601
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
490
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
463
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
411
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
403
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
395
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด