บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
426
2 นาที
25 มิถุนายน 2568
หมดยุคทอง! การค้าปลีก-ส่งไทย ปิดตำนานความรุ่งเรือง
 

ย้อนหลังไปสมัยก่อนชื่อของสำเพ็งและประตูน้ำคือ แหล่งรวมสินค้าที่ใครอยากได้อะไรก็ไปได้เลย ของเยอะ ของถูก เปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางตลาดค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่มีสินค้าแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเขียน ของเล่น กิ๊ฟช็อป หรือแม้แต่เสื้อผ้า
 
สมัยนั้นย่านสำเพ็งผู้คนหนาแน่น เดินเบียดเสียดทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่นเดียวกับประตูน้ำที่คับคั่งไปด้วยผู้คน พ่อค้าแม่ค้าขายดีกันตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะประตูน้ำในอดีตนี่ถือว่าเป็นศูนย์รวมธุรกิจเสื้อผ้า garment เพื่อส่งออกใหญ่สุดของไทยทำรายได้เข้าประเทศแต่ละปีสูงมาก
 
แต่ภาพที่ปรากฏในวันนี้ทั้งสำเพ็งและประตูน้ำ แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดที่พูดกันว่าเป็นความเงียบเหงาและซบเซามากสุดในรอบ 50 ปี ถ้าดูข้อมูลจากพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกค้ามาเดินซื้อสินค้าน้อยมาก เสาร์-อาทิตย์ หรือวันปกติก็ไม่ต่างกัน 
 
จะมีลูกค้าเพิ่มมาบ้างก็เฉพาะช่วงวันที่มีวันหยุดยาว ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเดิมที่มาแบบเจาะจงซื้อ ลูกค้าขาจรนาน ๆ มาที ร้านที่เปิดถือว่าพออยู่ได้ หลัก ๆ มาจากลูกค้าเก่าที่ซื้อไปขายต่อ
 
 
สินค้าที่ยังขายได้หลัก ๆ ยังเป็นเสื้อยืด และ พวกยูนิฟอร์ม แต่ที่ตกลงไปมาก คือ กลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น เนื่องจากเป็นสินค้าที่คนส่วนใหญ่มองว่า “ไม่จำเป็น”
 
ในด้านตัวเลขรายได้ของพ่อค้าแม่ค้าในสำเพ็ง ประมาณการว่ายอดขายหายไปกว่า 70% แถมบางวันยังขายไม่ได้สักบาท ต่างจากสมัยก่อนมากที่ไม่ถึงชั่วโมงก็ขายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 – 10,000 และบางร้านยอดขายก็ตกจากหลักแสนมาเหลือแค่หลักพัน ใครที่สายป่านยาวหน่อยก็พอทนอยู่ได้นาน ส่วนใครที่สายป่านสั้น หาเงินมาหมุนไม่ทันก็ต้องแยกย้าย เลิกกิจการไป ทุกวันนี้ก็มีร้านค้าเริ่มหายไปมากกว่า 30 -40% และน่าจะมีทยอยปิดตัวอีกเรื่อยๆ
 
ถ้าวิเคราะห์ไปถึงเหตุผลหลักๆ ว่าอะไรที่ทำให้ทั้งสำเพ็งและประตูน้ำ ก้าวมาถึงจุดนี้ พบว่า
 
ช่องทางการจำหน่าย (Channel)
 

ต้องยอมรับว่าการซื้อของออนไลน์เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้ามาก คนส่วนใหญ่จึงเน้นสะดวก ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องวุ่นวายกับการหาที่จอดรถ ทำให้สำเพ็งไม่ตอบโจทย์เหมือนในอดีตที่ผ่านมา 
 
ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็เข้าใจดีและปรับตัวให้สอดคล้องเราจึงเห็นบางร้านตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาเมื่อมีสินค้าใหม่ก็จะโพสต์ลงในกลุ่ม หากใครสนใจก็ไลน์สั่งซื้อมา และจัดแพ็กส่งไปให้ จะหวังกับยอดขายหน้าร้าน หรือรอให้คนเดินมาซื้อไม่ได้ เพราะวัน ๆ แทบไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย
 
พฤติกรรมผู้ซื้อ (Consumer Behaviors)
 

ตอนนี้เวลาคนอยากได้อะไรจะเข้า Google หาข้อมูล หาร้านที่ถูกใจ มีของ ราคาโอเค ดูน่าเชื่อถือ ก็ติดต่อกับผู้ขายได้ทันที จึงเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมลูกค้าในย่านสำเพ็งถึงได้ลดลงมาก 
 
คู่แข่ง (โดยเฉพาะทุนจีน)
 

เป็นเรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าบอกว่ามีผลมากๆ เช่นย่านประตูน้ำกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จากเจ้อเจียงนำเสื้อผ้ามาขายเอง และก็มีอีกหลายกลุ่มบริษัทที่สั่งผลิตจากโรงงานโดยตรง มาขายในย่านประตูน้ำ ในราคาที่ถูกกว่าร้านเดิมที่มีอยู่ พ่อค้าแม่ค้าคนไทยก็สู้ไม่ได้ หรือย่านสำเพ็งเคยเป็นย่านค้าส่งเสื้อผ้าและสินค้าเบ็ดเตล็ด ของพ่อค้าแม่ค้าคนไทยปัจจุบันมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าคนจีนเข้ามาครองพื้นที่เพื่อค้าขายมากขึ้น 
 
ซึ่งพวกนี้สามารถเจรจากับโรงงานผู้ผลิตในประเทศจีนได้โดยตรง เพื่อนำสินค้าเข้ามาขาย ในราคาที่ถูกกว่า เกิดเป็น Economies of Scale คือต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำมาก ในการสั่งซื้อแต่ละล็อต 
 
ต้นทุนค่าเช่า
 

สัมพันธ์กับทุนจีนเช่นกัน เพราะคนจีนที่เข้ามาค้าขายมักเสนอค่าเช่าที่สูงกว่าคนไทย 5-10 เท่า ยกตัวอย่างย่านสำเพ็งค่าเช่าก่อนเกิดโควิดระบาดประมาณ 15,000 บาท/เดือน ก็ปรับเพิ่มเป็น 30,000 – 40,000 บาท หรือโซนอาคารพาณิชย์ จาก 70,000-100,000 บาทต่อเดือน ก็กลายเป็น 100,000-500,000 บาท เมื่อมีต้นทุนค่าเช่าที่สูงขึ้นแต่รายได้ได้สูงตามก็ทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ไปต่อไม่ได้ 
 
กำลังซื้อของคนลดลง
 

เป็นผลพวงจากเรื่องเศรษฐกิจที่รายได้ของคนส่วนใหญ่ไม่ได้เพิ่มสวนทางกับรายจ่ายที่มากขึ้น แม้แต่ต้นทุนการผลิต ต้นทุนวัตถุดิบ ก็เพิ่มราคาสินค้าก็จำเป็นต้องปรับตาม คนก็ไม่มีกำลังซื้อ 
 
แม้ว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่จะพยายามแก้ปัญหาในทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นยอดขายไม่ว่าจะจัดโปรโมชัน ลดแลกแจกแถม ทำการตลาดผ่านโซเชี่ยล แต่จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกันก็ทำให้ยอดขายไม่ได้เพิ่มตามหลายๆ ร้านก็จำใจต้องปิดตัวและเลือกไปหารายได้จากธุรกิจอื่น
 
จากทุกเหตุผลที่ได้นำเสนอมาก็ล้วนแต่สนับสนุนว่าทำไมยุคทองของค้าปลีกและขายส่งในเมืองไทย จึงมาถึงจุดจบ แม้ว่าย่านสำเพ็งหรือประตูน้ำในทุกวันนี้จะไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง แต่ภาพจำในอดีตกับตอนนี้ก็แตกต่างกันมาก ไม่เฟื่องฟูและไม่สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการได้เหมือนแต่ก่อน 
 

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
619
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
531
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
486
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
454
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
434
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
428
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด