บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
269
3 นาที
8 ตุลาคม 2568
ร้านอาหาร 13 เหรียญหายไปไหน
 

“13 เหรียญ” ร้านอาหารสเต๊กสไตล์ตะวันตกที่เคยเป็นหนึ่งในแบรนด์ดังของเมืองไทย กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย และการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารดุเดือดกว่าที่เคย 
 
ด้วยภาพจำของจานสเต๊กขนาดใหญ่ บรรยากาศร้านทึมๆ แบบคาวบอย และการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ร้านอาหาร“13 เหรียญ” เคยทำรายได้แตะ 500 ล้านบาทต่อปีในยุคที่รุ่งเรือง
 
แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป โลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน แบรนด์นี้ก็ค่อยๆ เงียบหายไป พร้อมกับจำนวนสาขาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียง 3 แห่งในช่วงที่ธุรกิจประสบปัญหาอย่างหนัก
 
ในวันนี้ “กิฟท์” พรวฤณ นิติวนะกุล ลูกสาวคนสุดท้องของผู้ก่อตั้งร้าน กำลังนำพา “13 เหรียญ” กลับมาอีกครั้ง ด้วยแนวคิดใหม่ แต่ยังคงรากเหง้าของความทรงจำเดิมเอาไว้ พร้อมภารกิจที่ไม่ง่าย การฟื้นฟูแบรนด์ร้านอาหารในตำนานให้มีตัวตนที่ชัดเจนและยั่งยืนในยุคดิจิทัล
 
ต้นกำเนิดร้านอาหาร “13 เหรียญ” 
 
 
 
ภาพจาก www.facebook.com/13coinsbangkok

ร้าน 13 เหรียญเริ่มต้นขึ้นในปี 2519 โดยคุณสมชาย นิติวนะกุล ผู้ก่อตั้งที่นำประสบการณ์จากการทำงานในร้านอาหารที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา กลับมาสร้างร้านสเต๊กแห่งแรกของตัวเองในไทย โดยใช้ชื่อว่า “13 เหรียญ” อิงจากชื่อร้าน “13 Coins” ที่เขาเคยทำงานอยู่
 
สาขาแรกที่รามคำแหง 29 เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ด้วยเมนูอาหารตะวันตกสไตล์คาวบอยจานใหญ่ บรรยากาศร้านอิฐแดง และผ้าปูโต๊ะลายตารางอันเป็นเอกลักษณ์ ในยุคนั้น การได้ทานสเต๊กถือเป็นความแปลกใหม่และหรูหรา ส่งผลให้ร้านสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มากกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ
 
จากความสำเร็จสูงสุด สู่การถดถอย
 
 

ภาพจาก www.facebook.com/13coinsbangkok

แม้จะเคยประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจัยหลายประการได้ส่งผลต่อการถดถอยของแบรนด์ โดยเฉพาะการขยายธุรกิจไปยังโรงแรม รีสอร์ต ค่ายมวย และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ทำให้การดูแลร้านอาหารซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เริ่มลดน้อยลง ทั้งในด้านคุณภาพอาหารและภาพลักษณ์ของร้าน
 
การเปลี่ยนแปลงของตลาด และความนิยมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะร้านอาหารใหม่ ๆ ที่ทันสมัย ทำการตลาดเก่ง และเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ “13 เหรียญ” กลายเป็นแบรนด์ที่ดูเก่าและไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
 
จากยอดขายปีละ 500 ล้านบาท กลายเป็นภาระหนี้สินกว่า 500 ล้านบาท ในช่วงปี 2550 หลายสาขาต้องทยอยปิดตัวลง ทรัพย์สินบางส่วนถูกขายเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ จนเหลือเพียง 3 สาขาหลักที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ คือ บางใหญ่, งามวงศ์วาน และสุขุมวิท 49 

เปลี่ยนผ่านสู่เจเนอเรชันที่ 2
 
 

ภาพจาก www.facebook.com/13coinsbangkok

พรวฤณ นิติวนะกุล เติบโตมากับธุรกิจร้านอาหารของครอบครัว เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องที่แม้จะ “ไม่อิน” กับการทำอาหาร แต่ก็ได้รับอิสระจากบิดาในการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง โดยเลือกศึกษาระดับปริญญาตรีด้าน Business Management จาก University of Westminster ประเทศอังกฤษ และต่อปริญญาโทด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 
ก่อนจะเข้ามาบริหารธุรกิจอย่างเต็มตัว เธอเริ่มต้นจากการดูแลส่วนของโรงแรม ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัว และยังไม่มีบทบาทชัดเจนในฝั่งร้านอาหาร แต่การจากไปของคุณสมชายในปี 2563 จากโรคมะเร็ง ทำให้เธอจำเป็นต้องกลับเข้ามารับไม้ต่ออย่างเต็มตัว
 
จุดเปลี่ยน ความคิดถึงแบรนด์คือแรงผลักดัน
 
 

ภาพจาก www.facebook.com/13coinsbangkok

หลังจากคุณพ่อเสียชีวิต ข่าวการจากไปของเจ้าของร้าน “13 เหรียญ” ถูกแชร์ออกไปพร้อมกับกระแสความคิดถึงอย่างล้นหลาม ลูกค้ารุ่นเก่าหลายคนโพสต์ความทรงจำที่มีต่อร้านอาหารแห่งนี้ ทำให้เธอตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้แบรนด์จางหายไป
 
แม้จะไม่มีประสบการณ์ด้านร้านอาหาร และไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร แต่เธอมีพนักงานเก่าแก่จำนวนมากที่อยู่กับร้านมายาวนานตั้งแต่เธอยังเด็ก เป็นทีมที่แข็งแกร่งและเข้าใจรสชาติ “13 เหรียญ” อย่างแท้จริง
 
ฟื้นฟูแบรนด์ ขนาดที่เล็กลง มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน
 
 

ภาพจาก www.facebook.com/13coinsbangkok

การรีแบรนด์ครั้งใหญ่เริ่มต้นจากการปิดสาขาพระราม 9 ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 14 ไร่ และย้ายมาเปิดร้านเล็กๆ แห่งใหม่ที่สุขุมวิท 49 ภายใต้แนวคิด “เล็กแต่ควบคุมได้” พื้นที่ร้านขนาด 2 คูหา จำนวนโต๊ะเพียง 60 ที่นั่ง บริหารจัดการง่าย และสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีกว่า
 
เธอยอมรับว่ายุคของร้านอาหารขนาดใหญ่บนพื้นที่หลายไร่ได้หมดลงแล้ว เพราะต้นทุนสูง และยากต่อการดึงคนเข้าร้าน สิ่งสำคัญในวันนี้คือการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า และปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
 
ร้านใหม่มีการปรับภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังคงกลิ่นอายความทรงจำเดิม เช่น ภาพคุณพ่อ ภาพร้านในอดีต และข้อความ “คิดถึง 13 เหรียญ” ถูกนำมาใช้ตกแต่งอย่างมีนัยยะ
 
นอกจากนี้ ยังลดจำนวนเมนูจาก 300 รายการ เหลือเพียง 50 เมนูยอดนิยม เพื่อควบคุมคุณภาพ และบริหารสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดอาหารที่ยังคงเสิร์ฟตามสูตรดั้งเดิม ได้แก่
  • ไก่อลาสก้า สะโพกไก่หมัก ชุบแป้งทอด เสิร์ฟพร้อมชีสและสปาเกตตีซอสไก่
  • หอยลายอบเนยกระเทียม เสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียม กลิ่นหอมรสเข้ม
  • ไก่มาเรงโก้ เมนูพิเศษที่ประกอบด้วยไก่ทอด กุ้งทอด เบคอน ไข่ดาว และซอสบาร์บีคิว
  • ผักโขมอบชีส หนึ่งในเมนูที่ยังคงรสชาติเดิมตั้งแต่เปิดร้าน
  • ตอร์ติญ่า ชิพส์กับซอสซัลซ่า สูตรซัลซ่าโฮมเมด รสชาติเข้มข้นถูกใจคนไทย
นอกจากนี้ ยังมีเมนูใหม่ที่คิดขึ้นสำหรับร้านสาขาสุขุมวิท 49 โดยเฉพาะ ได้แก่ ข้าวผัดกะเพราไก่อลาสก้า ซึ่งผสมผสานระหว่างอาหารไทยและเมนูซิกเนเจอร์ของร้านได้อย่างลงตัว
 
พ่อครัวของร้านในปัจจุบันหลายคนยังคงเป็นทีมดั้งเดิมที่ร่วมงานกับคุณสมชายมาตั้งแต่ยุคแรก นับเป็นการสืบทอดทั้งฝีมือและจิตวิญญาณของร้านมาอย่างต่อเนื่องยอิงจากข้อมูลจริงจากระบบ POS ว่าลูกค้านิยมอะไร
 
ความทรงจำแทนความอร่อยที่สุด
 
 

ภาพจาก www.facebook.com/13coinsbangkok

พรวฤณยอมรับว่า ร้าน 13 เหรียญ อาจไม่ใช่ร้านที่อร่อยที่สุดในสายตาลูกค้าปัจจุบัน แต่จุดแข็งของแบรนด์นี้คือ “ความทรงจำ” ที่หลายคนมีร่วมกัน ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง การฉลองวันสำคัญ หรืออาหารจานโปรดในวัยเด็ก
 
นั่นคือคุณค่าแท้จริงที่เธอต้องการรักษาไว้ พร้อมกับปรับตัวเพื่อดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่
 
ความท้าทายจากการฟื้นฟูแบรนด์
 
 

ภาพจาก www.facebook.com/13coinsbangkok

แม้ร้านใหม่จะเปิดตัวได้ดี มีลูกค้าแน่นตั้งแต่ช่วงแรก แต่ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหามากมาย เช่น การบริหารคิว อาหารล่าช้า หรือเสียงบ่นจากลูกค้ารุ่นเก่าที่มีความคาดหวังสูง บวกกับโชคร้ายจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่ทำให้ร้านต้องปิดนานถึง 7 เดือน
 
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ย่อท้อ และเรียนรู้จากคำติชมเหล่านั้นเพื่อปรับปรุงต่อเนื่อง โดยยึดมั่นในแนวคิดที่ว่า อย่าพยายามทำทุกอย่างให้ถูกใจทุกคน จนหลงลืมตัวตนของร้านไปเหมือนในอดีตอีก
 
สรุป แม้โลกของอาหารจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีร้านใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในทุกวัน แต่ “13 Coins” ยังคงยืนหยัดด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัว คือ “อาหารแห่งความทรงจำ” ที่ผูกพันกับชีวิตของผู้คนมาอย่างยาวนาน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
AI คลื่นลูกที่ 5 ไม่ได้มาแทนที่ แต่มาเป็นเพื่อนค..
863
เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025 เมื่อผู้บริโภค “คิดเ..
714
5 ปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ปรับสมดุลชีวิตเพื่..
560
สสปท. มอบโล่ Zero Accident ย้ำความปลอดภัยคือราก..
487
ทำเลทองของ “คาเฟ่ร้านกาแฟ” เปิดที่ไหน กำไรดีที่..
484
จักรวาลร้านสเต็ก ข้างทาง ใครเจ้าตลาด
477
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด