บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
271
4 นาที
31 ตุลาคม 2568
Hama Sushi ซูชิสายพานญี่ปุ่น พรีเมียมจริงหรือแค่กระแสใหม่
 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ร้านอาหารญี่ปุ่นประเภท “ซูชิสายพาน” กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย 
 
ไม่ว่าจะเป็นในญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน หรือประเทศไทย เพราะผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ต่างมองหาอาหารญี่ปุ่นที่มีความคุ้มค่า บริการเสิร์ฟที่รวดเร็ว และได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการกินที่สนุกขึ้น 
 
ถ้าพูดถึงหนึ่งในชื่อร้านซูชิสายพานที่กำลังได้รับความนิยมและผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้ คือ Hama Sushi แบรนด์ซูชิสายพานราคาย่อมเยา แต่เต็มไปด้วยคุณภาพของวัตถุดิบจากญี่ปุ่น
 
หลายคนอาจสงสัยว่า Hama Sushi เป็นร้านซูชิแบบไหน แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อย่างไร และถ้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยจริง จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยหรือไม่ 
 
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ Hama Sushi ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในญี่ปุ่น ไปจนถึงโอกาสในการเปิดตลาดในไทย
 
จุดเริ่มต้นของ Hama Sushi
 
ภาพจาก https://citly.me/2k4dr

Hama Sushi เปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 ที่ญี่ปุ่น โดยอยู่ภายใต้การบริหารของ Zensho Holdings Co., Ltd. กลุ่มธุรกิจอาหารขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายร้านอาหารดังๆ มากมาย เช่น Sukiya (ข้าวหน้าเนื้อชื่อดัง) และ Coco’s Japan
 
แนวคิดของ Hama Sushi เริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ ว่า “ทำไมซูชิถึงต้องเป็นอาหารหรู”
 
ในยุคที่ซูชิระดับพรีเมียมมีราคาแพงและถูกจำกัดอยู่ในร้านเฉพาะกลุ่ม Zensho ต้องการสร้างแบรนด์ที่ให้คนทั่วไปได้ลิ้มลองรสชาติซูชิคุณภาพดีในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึงได้ จึงเกิดเป็น “Hama Sushi” ร้านซูชิสายพานที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับคุณภาพวัตถุดิบ โดยใช้หลักการบริหารจัดการร้านด้วยระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน
 
ผลลัพธ์ก็คือ Hama Sushi สามารถขายซูชิได้ในราคาเพียงจานละ 110 เยน หรือราว 25–30 บาท แต่ยังคงรสชาติและความสดใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ
 
เบื้องหลังความสำเร็จ
 

ภาพจาก https://citly.me/UoxfQ

Hama Sushi ไม่ได้เติบโตเพราะ “ราคาถูก” อย่างเดียว แต่เกิดจากการวางระบบอย่างรอบคอบในทุกมิติของธุรกิจ
 
1. เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
 
ภายในร้าน Hama Sushi ลูกค้าจะได้สั่งอาหารผ่านแท็บเล็ตระบบสัมผัส จากนั้นซูชิจะถูกลำเลียงมาถึงโต๊ะผ่านสายพานอัตโนมัติที่แม่นยำและปลอดภัย ระบบนี้ช่วยลดแรงงานคน เพิ่มความเร็วในการให้บริการ และสร้างประสบการณ์การกินที่สนุกกว่าร้านซูชิแบบดั้งเดิม
 
2. ควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
 
Hama Sushi มีระบบจัดการห่วงโซ่อาหาร (supply chain) แบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดซื้อปลาจากแหล่งประมง ขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ ไปจนถึงการกระจายสินค้าไปแต่ละสาขา ทำให้มั่นใจได้ว่าปลาทุกชิ้นยังคงความสดเหมือนเพิ่งขึ้นจากทะเล
 
3. เมนูที่เข้าใจคนรุ่นใหม่
 
แม้จะเป็นร้านซูชิสายพาน แต่ Hama Sushi ไม่หยุดอยู่ที่เมนูปลาดิบแบบเดิมๆ พวกเขาออกเมนูใหม่เกือบทุกเดือน เช่น ซูชิเนื้อย่าง, ซูชิปลาไหล, ซูชิทูน่าพิเศษ และเมนูของหวานสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุกในการกินและอยากกลับมาอีก

ภาพรวมตลาดซูชิสายพานในญี่ปุ่น
 
ตลาดซูชิสายพานในญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดร้านอาหารที่มีการแข่งขันสูง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ผสมผสานระหว่าง ความสะดวก รวดเร็ว คุณภาพ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี 
 
โดยมีแบรนด์ใหญ่ระดับประเทศที่ครองส่วนแบ่งตลาดหลักอยู่สามราย ได้แก่ Sushiro, Kura Sushi และ Kappa Sushi แต่ละแบรนด์ล้วนแต่มีเอกลักษณ์และกลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
 
1. Sushiro
 
ภาพจาก https://sushiro.co.th

แบรนด์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดและมีจำนวนสาขามากที่สุดทั่วประเทศ จุดแข็งของ Sushiro คือ ระบบบริหารจัดการแบบอุตสาหกรรม (Industrialized Operation) ทำให้สามารถรักษาคุณภาพอาหารได้สม่ำเสมอในทุกสาขา
 
ความรวดเร็วในการเสิร์ฟและหมุนเวียนเมนูใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทันสมัยอยู่เสมอ ตลอดจนใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงง่าย เหมาะกับกลุ่มครอบครัวและลูกค้าทั่วไป
 
Sushiro ยังขยายสาขาไปในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และประเทศไทย ทำให้กลายเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ระดับสากลมากที่สุดในบรรดาร้านซูชิสายพานของญี่ปุ่น 
 
2. Kura Sushi
 
ภาพจาก https://kurasushi.j-server.com

Kura Sushi โดดเด่นด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและมาตรฐานความสะอาดสูงสุด โดยชูแนวคิด “ซูชิปลอดภัยและสนุกสนาน” (Safe & Fun Dining) ใช้ระบบสายพานอัตโนมัติปิดฝาครอบแต่ละจาน (Kappa Cover) เพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งปนเปื้อน
 
มีระบบสั่งอาหารผ่านแท็บเล็ตและส่งผ่านสายพานเฉพาะ แยกจากสายพานหลัก ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็ว และมีจุดขายด้านความบันเทิงสำหรับครอบครัว เช่น เกม “Bikkura Pon” ที่ลูกค้าสามารถสะสมจานเพื่อแลกรับของรางวัล
 
Kura Sushi จึงมีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่นำเทคโนโลยีล้ำหน้ามาปรับใช้ในร้าน และเป็นร้านที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
 
3. Kappa Sushi
 

ภาพจาก www.facebook.com/kappasushi.jp

Kappa Sushi ถือเป็นแบรนด์ผู้บุกเบิกตลาดซูชิสายพานในญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคแรกๆ เคยครองตำแหน่งผู้นำตลาดในช่วงทศวรรษ 2000 ก่อนจะถูกแซงโดยคู่แข่งรายใหม่
 
จุดแข็งของแบรนด์ คือ มีฐานลูกค้าประจำที่มีความภักดี และการเน้นรสชาติแบบดั้งเดิมมากกว่าการปรับเปลี่ยนตามกระแสนิยม ในช่วงหลัง Kappa Sushi พยายามฟื้นภาพลักษณ์ผ่านเมนูพรีเมียมและแคมเปญส่วนลด เพื่อดึงดูดลูกค้ากลับมาอีก 
 
แม้จะไม่ใช่ผู้นำตลาดในปัจจุบัน แต่ Kappa Sushi ยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ และผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นรู้สึกว่ามีความคุ้นเคยใช้บริการมากที่สุด 
 
แต่ในสนามนี้ Hama Sushi ใช้จุดแข็งด้าน “ราคาคุ้มค่าและความสม่ำเสมอของคุณภาพ” เป็นกลยุทธ์หลัก จนสามารถขยายสาขาได้มากกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ และติดอันดับ Top 5 ของวงการซูชิในประเทศญี่ปุ่น
 
ก้าวออกจากญี่ปุ่นสู่ตลาดโลก
 
ภาพจาก https://citly.me/rgsua

หลังจากครองตลาดในประเทศมานาน Hama Sushi เริ่มมองหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ เช่น จีน, ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการซูชิรสชาติญี่ปุ่นแท้ แต่ไม่อยากจ่ายแพง
 
และในปี 2568 (2025) มีรายงานข่าวว่า Hama Sushi เตรียมเปิดสาขาแรกในประเทศไทย โดยมีแผนตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นการเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ
 
แม้ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลวันเปิดที่แน่นอน หรือรายละเอียดเมนูและราคาในไทย แต่กระแสในโลกออนไลน์เริ่มคึกคัก มีทั้งแฟนคลับซูชิที่รอคอย และผู้บริโภคที่อยากรู้ว่าคุณภาพ “ญี่ปุ่นแท้” จะถูกถ่ายทอดมาได้ครบหรือไม่
 
ซูชิพรีเมียมหรือซูชิราคาคุ้มค่า
 

ภาพจาก https://citly.me/UoxfQ
 
แม้ชื่อเสียงของ Hama Sushi ในญี่ปุ่นจะยอดเยี่ยม แต่คำว่า “พรีเมียม” สำหรับแบรนด์นี้อาจต้องตีความใหม่ เพราะเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่การทำซูชิระดับโอมากาเสะ (Omakase) ที่ใช้วัตถุดิบหายากและราคาหลายพันเยนต่อคำ
 
แต่คือการทำให้ซูชิคุณภาพดี “เข้าถึงได้ง่าย” ในราคาที่สมเหตุสมผลในแง่มุมหนึ่ง นี่คือความพรีเมียมในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียมจากระบบ คุณภาพ และความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ไม่ใช่จากราคาหรือภาพลักษณ์เป็นซูซิหรูหรา
 
ความคาดหวังของคนไทย
 
ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่คนรักอาหารญี่ปุ่นอย่างมาก ปัจจุบันมีแบรนด์ซูชิสายพานมากมาย เช่น Sushi Express, Sushiro Thailand, Tenya Sushi, และร้านซูชิท้องถิ่นอีกหลายเจ้า การที่ Hama Sushi จะเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้ จึงต้องอาศัยทั้งคุณภาพและกลยุทธ์ด้านราคา
 
สิ่งที่ผู้บริโภคไทยคาดหวัง คือ
  • ความสดใหม่ของวัตถุดิบ – ปลาต้องสดจริง รสชาติใกล้เคียงต้นตำรับญี่ปุ่น
  • ราคาที่สมเหตุสมผล – ถ้าราคาอยู่ในระดับเดียวกับ Sushiro หรือ Sushi Express จะดึงดูดกลุ่มครอบครัวได้มาก
  • บริการและบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ – ระบบอัตโนมัติและความใส่ใจในรายละเอียดคือจุดที่ทำให้แบรนด์ญี่ปุ่นโดดเด่น
โอกาส Hama Sushi ในประเทศไทย
 
1. การขยายตัวในตลาดซูชิสายพาน
 
ภาพจาก https://citly.me/UoxfQ

ตลาดซูชิสายพานในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เล่นหลักอย่าง Sushiro และ Sushi Express ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเข้ามาของ Hama Sushi สามารถเพิ่มความหลากหลายและทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มที่มองหาคุณภาพและประสบการณ์การรับประทานที่แตกต่าง
 
2. การสร้างความแตกต่างผ่านคุณภาพและเทคโนโลยี
 
Hama Sushi มีจุดเด่นในการใช้เทคโนโลยีในการบริการ เช่น การสั่งอาหารผ่านแท็บเล็ตและการเสิร์ฟผ่านสายพานอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับประทานและลดเวลารอคอย นอกจากนี้ การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบและการปรับเมนูให้เหมาะสมกับความชอบของคนไทย ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
 
3. การตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ
 
การเลือกตั้งสาขาแรกในประเทศไทยที่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่มีการปรับปรุงใหม่และมีฐานลูกค้าหลากหลาย ทั้งนักเรียน นักศึกษา ครอบครัว และผู้ทำงาน เป็นการเลือกทำเลที่มีศักยภาพในการดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
4. การตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค
 
ผู้บริโภคในประเทศไทยมีความต้องการที่หลากหลาย ทั้งในด้านรสชาติ ราคา และประสบการณ์การรับประทาน Hama Sushi สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้โดยการปรับเมนูให้เหมาะสมกับรสนิยมของคนไทย และการตั้งราคาในระดับที่เข้าถึงได้
 
Hama Sushi ดีจริงหรือแค่กระแส?
จุดแข็งของ Hama Sushi


ภาพจาก https://citly.me/UoxfQ
  • ราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ง่าย
  • ระบบบริหารจัดการและเทคโนโลยีทันสมัย
  • ชื่อเสียงมั่นคงในญี่ปุ่น กว่า 700 สาขา
  • มีประสบการณ์ขยายตลาดต่างประเทศ
ข้อจำกัดและความท้าทาย
  • ไม่ใช่ซูชิระดับหรูแบบโอมากาเสะ
  • ตลาดซูชิในไทยมีการแข่งขันสูง 
  • ยังไม่มีข้อมูลยืนยันคุณภาพในไทย 
  • ต้องปรับรสชาติและบริการให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย
โดยรวมแล้ว Hama Sushi ไม่ใช่เพียงเป็นร้านซูซิที่สร้างกระแสใหม่ในตลาด แต่เป็นแบรนด์ที่มีประวัติและพื้นฐานที่มั่นคงจากต้นกำเนิดในญี่ปุ่น จุดขายหลักคือ “คุณภาพที่จับต้องได้” มากกว่ามุ่งเน้นความหรูหรา หากรักษามาตรฐานญี่ปุ่นไว้ได้ในราคาที่เหมาะสม สบายกระเป๋า ก็มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นแบรนด์ซูชิขวัญใจคนไทยในเวลาไม่นาน

 

ภาพจาก https://citly.me/UoxfQ
 
ในตลาดซูชิสายพานที่ญี่ปุ่นซึ่งเต็มไปด้วยผู้เล่นหลายเจ้า Hama Sushi คือแบรนด์ที่เลือกเดินเส้นทางต่างออกไป ไม่เน้นความอลังการของเทคโนโลยีหรือขนาดธุรกิจ แต่เน้น “ความคุ้มค่าในทุกคำ” และ “คุณภาพที่ทุกคนเข้าถึงได้”
 
Hama Sushi วางตำแหน่งตัวเองชัดเจนในฐานะซูชิยุคใหม่สำหรับคนทั่วไป ที่เชื่อว่า “ซูชิไม่จำเป็นต้องแพงถึงจะดี” Hama Sushi ใช้ระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ร่วมกับการคัดวัตถุดิบที่พิถีพิถัน และมีเมนูหลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่างราคา คุณภาพ และประสบการณ์
 
ในญี่ปุ่น Hama Sushi เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแบรนด์หลักของตลาดซูชิสายพาน ที่เข้ามาร่วมชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกับ Sushiro, Kura Sushi และ Kappa Sushi ได้อย่างสูสี เมื่อ Hama Sushi เปิดสาขาแรกในประเทศไทย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่า “สนามซูชิสายพานไทย” กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม เป็นยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่นำเสนอความคุ้มค่าและประสบการณ์ที่ลูกค้าต้องกลับไปลองอีก
 
ในท้ายที่สุด คำถามสำคัญคือ Hama Sushi จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ของ “ซูชิคุณภาพสำหรับทุกคน” ได้จริงหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงคลื่นลูกใหม่ที่ต้องรอพิสูจน์ตัวเอง ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดซูชิที่กำลังร้อนแรง 
 
แหล่งข้อมูล 
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
AI คลื่นลูกที่ 5 ไม่ได้มาแทนที่ แต่มาเป็นเพื่อนค..
913
เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025 เมื่อผู้บริโภค “คิดเ..
788
Gong Cha(貢茶) กงชา ทวงความยิ่งใหญ่ 23 ประเทศ 2.1 ..
685
5 ปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ปรับสมดุลชีวิตเพื่..
576
เจาะลึกกรณีศึกษา SMEs ที่ใช้ปั้มแชร์แล้วได้ผลลัพ..
527
ทำเลทองของ “คาเฟ่ร้านกาแฟ” เปิดที่ไหน กำไรดีที่..
511
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด