บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
350
2 นาที
12 พฤศจิกายน 2568
Scent Marketing สร้างธุรกิจเงินล้านในยุคคนไม่อยากซื้อ
 

การสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและจดจำได้กลายเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดลูกค้า กลยุทธ์นี้เรียกว่า Scent Marketing หลักการคือจะใช้พลังของกลิ่นในการกระตุ้นอารมณ์ สร้างความทรงจำ และเพิ่มยอดขาย เพราะว่ากลิ่นไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้ารู้สึกดี แต่ยังสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ถ้าวิเคราะห์โดยอ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์พบว่า “กลิ่น” มีความพิเศษเพราะเชื่อมโยงกับ ระบบลิมบิก (Limbic System) ในสมอง ซึ่งควบคุมอารมณ์และความทรงจำ โดยมนุษย์มีประสิทธิภาพในการจดจำกลิ่นได้ถึง 35% แม่นยำกว่าความทรงจำจากภาพหรือเสียงที่มีเพียงแค่ 5% และ 2% ตามลำดับ 
 
Scent Marketing ดีอย่างไร? ทำไมควรเลือกใช้
 

กลิ่นมีความสามารถที่จะกระตุ้นความรู้สึกผ่อนคลาย ความหิว หรือแม้แต่ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อและความภักดีต่อแบรนด์ มีตัวเลขน่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับ Scent Marketing หลายปัจจัยเช่น
  • 84% บริเวณที่มีกลิ่นหอมสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
  • 70% ของลูกค้ามีแนวโน้มกลับมาซื้อซ้ำหากร้านมีกลิ่นที่ชวนให้รู้สึกดี
  • 15-20% คือการที่ลูกค้าจะใช้เวลาอยู่ในร้านนานขึ้น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าได้มากขึ้น
  • 20% กระตุ้นการซื้อได้โดยไม่รู้ตัว เพราะกลิ่นทำให้ลูกค้าหิวและอยากซื้อทันที
  • 40% เป็นความรู้สึกเชิงบวกที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีต่อร้านค้าได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดีการเลือกใช้ “กลิ่น” ก็เป็นศาสตร์ที่สำคัญ อย่างแรกคือต้อง เลือกกลิ่นที่สอดคล้องกับแบรนด์ สะท้อนตัวตนของแบรนด์ เช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นอาจใช้กลิ่นผลไม้สดชื่น ในขณะที่ร้านเครื่องประดับหรูอาจเลือกกลิ่นมัสก์หรือไม้จันทน์ 
 
นอกจากนี้การเลือกใช้กลิ่นให้ถูกกับโซนในร้านก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ กลิ่นควรถูกใช้ในพื้นที่ที่ลูกค้าใช้เวลานาน เช่น โซนลองสินค้า หรือบริเวณแคชเชียร์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อ ยกตัวอย่างเช่น ร้าน Nike ในสหรัฐฯ ใช้กลิ่นที่ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงในโซนรองเท้ากีฬา ทำให้ลูกค้ารู้สึกมีพลังและอยากลองสินค้า
 
หรือเทคนิคการใช้กลิ่นที่น่าสนใจอีกรูปแบบคือการ ปรับกลิ่นตามฤดูกาลหรือโอกาสพิเศษ เช่น กลิ่นเครื่องเทศในช่วงคริสต์มาส หรือกลิ่นดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อสร้างความตื่นเต้น หรืออาจเลือกใช้อุปกรณ์กระจายกลิ่น เช่น เครื่อง Diffuser หรือ HVAC Scent System ช่วยควบคุมกลิ่นให้สม่ำเสมอและครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
Scent Marketing เพิ่มยอดขายได้มากแค่ไหน?
 

ถ้าแค่พูดว่าเทคนิคนี้ดี คนส่วนใหญ่ก็จะถามอีกว่าดียังไง ให้ชัดเจนที่สุดก็คงต้องยกตัวเลขขึ้นมาอธิบาย ซึ่งเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์นี้ในการเพิ่มยอดขายอย่างได้ผล
  1. ธุรกิจร้านเสื้อผ้า ที่ใช้กลิ่นหอม เช่น กลิ่นวานิลลาหรือดอกไม้ สามารถเพิ่มยอดขายได้ 15-20% เมื่อเทียบกับร้านที่ไม่มีกลิ่นใดๆเลย
  2. ร้านเครื่องดื่ม มีกรณีศึกษาในเกาหลีใต้ของ Dunkin’ Donuts ที่ใช้เทคนิคการปล่อยกลิ่นกาแฟในรถบัสพร้อมโฆษณา พบว่ายอดขายเครื่องดื่มในร้านสาขาที่อยู่ใกล้ป้ายรถเมล์เพิ่มขึ้น 29% เทียบกับช่วงที่ไม่ใช้เทคนิคนี้
  3. ซูเปอร์มาร์เก็ต / ร้านค้าปลีก มีรายงานน่าสนใจระบุว่า การใช้กลิ่นในโซนเบเกอรี่ เช่น กลิ่นขนมปังหรือคุกกี้ สามารถเพิ่มยอดขายในโซนนั้นได้ 25-30% เมื่อเทียบกับโซนที่ไม่มีกลิ่น
  4. โรงแรมและธุรกิจบริการ มีข้อมูลรายงานว่าโรงแรมที่ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์หรือไม้กลิ่นหอมในล็อบบี้ ลูกค้ามีแนวโน้มใช้บริกา สปาหรือร้านอาหารในโรงแรม สูงขึ้น 10-15%
  5. ร้านอาหารที่ใช้กลิ่นเป็นตัวดึงดูด เช่น กลิ่นขนมอบ สามารถเพิ่มยอดขายได้ 20-30% ยกตัวอย่างเช่นร้าน Cinnabon ใช้กลิ่นซินนามอนโรลอบใหม่ที่กระจายออกมานอกร้าน ทำให้ยอดขายซินนามอนโรลเพิ่มขึ้น 25% ในสาขาที่ใช้กลิ่นเมื่อเทียบกับสาขาที่ไม่ใช้
พลังของ Scent Marketing ยังมีมากกว่าที่ศาสตร์นี้เป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูด เช่น กลิ่นสมุนไพรในร้านอาหารไทย หรือกลิ่นวานิลลาในร้านอาหารฝรั่งเศส ทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลิน มีตัวอย่างที่น่าสนใจเช่น ร้านอาหารอิตาเลียนในสหรัฐฯ ที่ใช้กลิ่นโหระพาและมะเขือเทศในโซนต้อนรับ 
 
พบว่าลูกค้าใช้เวลาในร้านนานขึ้น 15% และสั่งอาหารเพิ่มมากขึ้นด้วย หรือ ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยที่ใช้กลิ่นยูซุ (ส้มญี่ปุ่น) ในโซนต้อนรับ พบว่าลูกค้ามีแนวโน้มสั่งอาหารชุดใหญ่ขึ้น 12% เนื่องจากรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ
 
Scent Marketing ใช้แบบไหนถึงจะเหมาะสม?
 

แม้จะมีข้อดีมากมายแต่การใช้ผิดวิธีหรือไม่ถูกต้อง แทนที่จะได้ประโยชน์อาจกลายเป็นดาบสองคมแทนได้ สิ่งที่ต้องพึงระวังให้ดีคือ
  • อย่าใช้กลิ่นที่แรงเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สบายหรือรำคาญ
  • คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลิ่นหวานอาจเหมาะกับวัยรุ่น แต่ไม่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าสูงวัย
  • ปฏิบัติตามกฎหมาย ในบางประเทศมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้สารเคมีในกลิ่นสังเคราะห์
  • หลีกเลี่ยงการใช้กลิ่นที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น กลิ่นที่มีส่วนผสมของถั่วหรือสารก่อภูมิแพ้
และการเลือกใช้กลิ่นให้ถูกกับพื้นที่ภายในร้านค้าก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ยกตัวอย่างถ้าเป็นร้านอาหาร บริเวณทางเช้าร้านควรมีกลิ่นหอมจากอาหาร เช่นกลิ่นย่าง หรือกลิ่นเครื่องเทศ เพื่อดึงดูดลูกค้า 
 
แต่เมื่อเข้ามาในร้านแล้วบริเวณโซนรับประทานอาหารควรเป็นกลิ่นที่สร้างความรู้สึกผ่อนคลายเช่น กลิ่นดอกไม้หอม หรือในโซนแคชเชียร์อาจใช้กลิ่นของหวานเพื่อกระตุ้นการสั่งเมนูเพิ่ม เป็นต้น
 
ดังนั้นการใช้ Scent Marketing ในธุรกิจต่างๆ อาจช่วยเพิ่มยอดขายได้ 10-30% ขึ้นอยู่กับการเลือกกลิ่นและการประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม 
 
ใครที่สนใจอยากใช้เทคนี้ควรเริ่มจากการสำรวจหากลิ่นที่เหมาะสมกับแบรนด์ และทดลองในพื้นที่เล็กๆ ก่อนขยายผล เพราะกลิ่นเพียงเล็กน้อยอาจเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าและยอดขายของได้มากกว่าที่คิด

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
649
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
598
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
540
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
491
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
488
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
458
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด