บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
271
5 นาที
19 พฤศจิกายน 2568
อวสาน Outlet Mall ในวันที่ลูกค้าเงียบเหงา? 
 

ในยุคที่ธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากเทคโนโลยีดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปช้อปออนไลน์ และการแข่งขันจากศูนย์การค้ารูปแบบใหม่อย่าง “Outlet Mall” ซึ่งเคยเป็นแหล่งช้อปสินค้าแบรนด์เนมราคาพิเศษยอดนิยมในประเทศไทย ก็กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญเช่นกัน เพราะแต่ละสถานที่ของ Outlet ลูกค้าเงียบเหงา 
 
ประเทศไทยเองเคยเป็นหนึ่งในตลาดที่ให้ความสนใจในโมเดล “Outlet Mall” อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เมื่อแบรนด์ไทยหลายรายเริ่มมองเห็นโอกาสในการระบายสินค้าที่ค้างสต็อกและขยายฐานลูกค้าผ่านการเปิดร้านจำหน่ายโดยตรงจากผู้ผลิต แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี สถานการณ์ของธุรกิจกลุ่มนี้กลับไม่สดใสเหมือนเดิม รายได้ลดลงต่อเนื่อง ลูกค้าบางส่วนหายไป และภาพลักษณ์ของ “Outlet” ถูกมองเพียงว่าเป็นแหล่งขายของตกรุ่น
 
คำถาม ก็คือ อะไรเป็นสาเหตุของการชะลอตัว ลูกค้าเงียบเหงา และธุรกิจ Outlet Mall ในประเทศไทยจะเดินหน้าต่ออย่างไรท่ามกลางการแข่งขันของค้าปลีกออนไลน์ และยุคที่ผู้บริโภคต้องการความรวดเร็ว และความสะดวกสบาย
 
บทความนี้จะพาย้อนดูจุดเริ่มต้นของ Outlet Mall ในประเทศไทย ตั้งแต่ยุคบุกเบิกของแบรนด์ไทยรายแรก ไปจนถึงการขยายตัวของผู้เล่นรายใหญ่ พร้อมถอดบทเรียนความสำเร็จและปัจจัยความท้าทาย เพื่อหาแนวทางปรับตัวในอนาคต

ร้านค้า Outlet คืออะไร
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

ร้านเอาท์เล็ท (Outlet Store) คือ รูปแบบค้าปลีกที่มุ่งนำเสนอสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพดีในราคาย่อมเยา โดยจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตหรือแบรนด์โดยตรง ซึ่งอาจเป็นสินค้าคงคลัง สินค้ารุ่นก่อนหน้า หรือสินค้าที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับจำหน่ายในช่องทางเอาท์เล็ทโดยเฉพาะ จุดเด่นของร้านเอาท์เล็ทคือการมอบความคุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภค ด้วยส่วนลดตั้งแต่ 10% จนถึง 70% ตลอดทั้งปี
 
ภายในร้านจะรวบรวมสินค้าครอบคลุมหลากหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น
  • แฟชั่นสำหรับสุภาพสตรี สุภาพบุรุษ และเด็ก
  • เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา รวมถึงเสื้อผ้ากอล์ฟ
  • รองเท้า เครื่องหนัง และกระเป๋า
  • เครื่องใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง
  • เครื่องประดับ ของขวัญ และของเล่น
สินค้าทุกชิ้นได้รับการคัดสรรภายใต้มาตรฐานคุณภาพเดียวกับแบรนด์ในห้าง เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าที่ทั้งดีและคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน
 

ภาพจาก https://elements.envato.com
 
กลุ่มเป้าหมายของร้านเอาท์เล็ทคือ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่ต้องการสินค้าคุณภาพในราคาสมเหตุสมผล พร้อมประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกสบายและเพลิดเพลิน
 
โดยแต่ละสาขาของเอาท์เล็ทได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศโปร่งโล่ง เดินสบาย ใช้ งบลงทุนเฉลี่ยราว 400–500 ล้านบาทต่อโครงการ และมีพื้นที่ขายปลีกประมาณ 16,000–18,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับทั้งร้านค้าแบรนด์ชั้นนำและพื้นที่บริการครบวงจร เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ จุดพักผ่อน และพื้นที่สำหรับครอบครัว
 
ปัจจุบัน ร้านเอาท์เล็ทไม่ได้เป็นเพียง “แหล่งช้อปสินค้าลดราคา” อีกต่อไป แต่ได้พัฒนาเป็น “Shopping Destination” ที่ตอบโจทย์ทั้งการจับจ่าย พักผ่อน และท่องเที่ยวในที่เดียวกัน สอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ที่เน้นสร้าง “ประสบการณ์” มากกว่าการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว 
 
จุดกำเนิดของ Outlet Mall ในโลก 
 
ต้นกำเนิดเริ่มจากโรงงานผลิตเสื้อผ้าและรองเท้าในสหรัฐฯ ที่ขายสินค้ามีตำหนิและสินค้าล้นสต็อกให้พนักงานในราคาถูก
 
ต่อมาเปิดขายให้คนทั่วไป และความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • ปี 1936 (พ.ศ. 2479) “Anderson-Little” เปิด Outlet Store แห่งแรกของโลก แยกจากโรงงาน
  • ปี 1974 (พ.ศ. 2517)“ Vanity Fair” เปิด Multi-store Outlet แห่งแรกในเมืองเรดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย
  • ปี 1980-1990 (พ.ศ. 2523 – 2533) Outlet Mall ขยายตัวอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ โดยมีปัจจัยหลักคือ
    • ผู้บริโภครู้จักและเข้าใจคอนเซ็ปต์ Outlet มากขึ้น
    • สินค้าแบรนด์ดีไซเนอร์คุณภาพสูงและคุ้มค่า
    • Outlet กลายเป็นช่องทางจำหน่ายสำคัญสำหรับแบรนด์
กรณีศึกษาความสำเร็จของ Outlet Mall ญี่ปุ่น
 
ภาพจาก https://citly.me/OSdiN

ตัวอย่างจาก Mitsui Fudosan ผู้พัฒนา Outlet Mall ญี่ปุ่น มี 13 แห่งในประเทศ และอีก 2 แห่งในไต้หวันและมาเลเซีย

ปัจจัยความสำเร็จหลัก 5 ประการ :
1.จำนวนร้านค้าและความหลากหลายของแบรนด์
  • Outlet Mall ขนาดใหญ่มีร้านค้ามากกว่า 300 ร้าน
  • ครอบคลุมทั้ง Premium Mass – Premium – Luxury Brand เช่น Onitsuka, Kenzo, Mulberry, Breitling, Kate Spade
2.ราคาสินค้าลดจริง สูงสุด 70-80%
  • สินค้าส่วนใหญ่เป็นรุ่นก่อนหน้า หรือผลิตเฉพาะสำหรับ Outlet
  • ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า แม้สินค้าจะไม่ใช่คอลเลคชันล่าสุด
3.เป็นมากกว่าที่ช้อปปิ้ง มีไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
  • ร้านอาหาร ศูนย์อาหาร พื้นที่สวน กิจกรรมความบันเทิง
  • พื้นที่สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ จุดพักผ่อน และบริการรับฝากสัมภาระ
  • ทำให้ลูกค้าทุกกลุ่มเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่ซื้อของ
4.โลเคชั่นสะดวกต่อการเดินทาง 


ภาพจาก https://citly.me/M1f75
  • ตั้งอยู่ใกล้เมืองหลักและระบบคมนาคมสาธารณะ
  • เช่น Mitsui Outlet Park Kisarazu อยู่ห่างจากโตเกียวเพียง 45 นาที และมีบริการ Shuttle Bus
5.ผสมผสานลูกค้าท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • ลูกค้าท้องถิ่นอาจมาใช้บริการร้านอาหารหรือกิจกรรมอื่นๆ ทำให้มีคนหมุนเวียนทุกวัน
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติเน้นช้อปปิ้ง และมียอดใช้จ่ายสูง
  • ตัวอย่างนักท่องเที่ยวไทยที่ Outlet ญี่ปุ่น 80,000 คน/ปี เพิ่มเป็น 120,000 คน/ปี 
จุดเริ่มต้นธุรกิจ Outlet Mall ในประเทศไทย


ภาพจาก www.fnoutlet.com

ธุรกิจ Outlet Mall ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” ปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ผลิตสินค้าจำนวนมากต้องมองหาช่องทางระบายสต็อกและสร้างรายได้เสริม
 
หนึ่งในผู้บุกเบิกคือ “ฟลายนาว” (Fly Now) ผู้ผลิตเสื้อผ้าชื่อดังของไทย ที่ใช้โรงงานในจังหวัดเพชรบุรีเป็นจุดจำหน่ายสินค้าในสต็อกของตนเอง ก่อนจะขยายธุรกิจค้าปลีกเต็มรูปแบบภายใต้ชื่อ “เอฟเอ็น เอาท์เล็ต” (FN Outlet) ในปี 2543
 
สาขาแรกเปิดที่จังหวัดเพชรบุรี และขยายสาขาที่ 2 ไปยังจังหวัดกาญจนบุรีในปี 2546 จากนั้นจึงขยายต่อเนื่องไปยังจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ ปัจจุบัน FN Outlet มีทั้งหมด 10 สาขาทั่วประเทศ อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) จำหน่ายสินค้าหลากหลายตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องนอน ของตกแต่งบ้าน ไปจนถึงของขวัญและเครื่องประดับ ได้แก่
  • สาขาเพชรบุรี  
  • สาขากาญจนบุรี 
  • สาขาพัทยา 
  • สาขาปากช่อง 
  • สาขาสิงห์บุรี 
  • สาขาหัวหิน 
  • สาขาอยุธยา 
  • สาขาฉะเชิงเทรา  
  • สาขาระยอง 
  • สาขากทม. สำนักงานใหญ่พระรามเก้า
รายได้...บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน)


ภาพจาก www.fnoutlet.com
  • ปี 2563 รายได้ 770 ล้านบาท ขาดทุน 27 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 544 ล้านบาท ขาดทุน 61 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 505 ล้านบาท ขาดทุน 86 ล้านบาท 
  • ปี 2566 รายได้ 486 ล้านบาท ขาดทุน 232 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 442 ล้านบาท ขาดทุน 82.9 ล้านบาท
อีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญคือ “กลุ่มพีน่า กรุ๊ป” (Pina Group) เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าและของที่ระลึกกว่า 10 แบรนด์ ซึ่งเปิด “พรีเมียม เอาท์เล็ต” (Premium Outlet) สาขาแรกที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ในปี 2544 บนพื้นที่กว่า 25 ไร่ ริมถนนสุขุมวิท และในปี 2548 ได้ขยายสาขามายัง ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พร้อมสร้างแลนด์มาร์กท่องเที่ยว ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ อยู่ใกล้เคียง
 
ปัจจุบัน Premium Outlet อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท เอาท์เล็ท มอลล์ จำกัด มีทั้งหมด 9 สาขาทั่วประเทศ เช่น 
 

ภาพจาก www.outletmallthailand.com
  • Outlet Mall Pattaya
  • Premium Outlet Pattaya 
  • Premium Outlet Cha-am
  • Premium Outlet Khao-Yai
  • Outlet Village Krabi
  • Premium Outlet Phuket
  • Premium Outlet Udonthani
  • Premium Outlet Ayutthaya
  • Premium Outlet Chiang Mai
รายได้...บริษัท เอาท์เล็ท มอลล์ จำกัด 

ภาพจาก www.outletmallthailand.com
  • ปี 2563 รายได้ 1,092 ล้านบาท ขาดทุน 108 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 933 ล้านบาท ขาดทุน 187 ล้านบาท 
  • ปี 2565 รายได้ 1,326 ล้านบาท ขาดทุน 198 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 1,327 ล้านบาท ขาดทุน 159 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 1,277 ล้านบาท ขาดทุน 190 ล้านบาท 
จากรุ่งสู่ร่วง ภาพรวมธุรกิจ Outlet ในไทย


ภาพจาก www.fnoutlet.com

แม้ทั้ง FN Outlet และ Premium Outlet เคยเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและนักช้อปในยุคก่อน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจ Outlet ไทยกลับเผชิญความท้าทายอย่างหนัก

จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 บริษัท มีรายได้ลดลงต่อเนื่องและยังคงขาดทุนทุกปี โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพฤติกรรมผู้บริโภค 

ไม่เพียงแค่ FN Outlet และ Premium Outlet ที่มีผลประกอบการขาดทุน ยังมีอีก 2 แบรนด์ Outlets ยักษ์ของประเทศไทยที่มีผลประกอบการขาดทุนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น 

#Siam Premium Outlets Bangkok ภายใต้การบริหารของบริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด


ภาพจาก www.siampiwat.com
  • ปี 2563 รายได้ 187 ล้านบาท ขาดทุน 65 ล้านบาท 
  • ปี 2564 รายได้ 267 ล้านบาท ขาดทุน 83 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 387 ล้านบาท ขาดทุน 13 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 464 ล้านบาท กำไร 4 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 481 ล้านบาท กำไร 1.3 ล้านบาท
#Central Village Outlet ภายใต้การบริหารของบริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด 


ภาพจาก https://citly.me/687UE
  • ปี 2563 รายได้ 270 ล้านบาท ขาดทุน 61 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 220 ล้านบาท ขาดทุน 80 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 296 ล้านบาท ขาดทุน 111 ล้านบาท 
  • ปี 2566 รายได้ 376 ล้านบาท ขาดทุน 63.9 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 405 ล้านบาท ขาดทุน 28 ล้านบาท
ทั้ง 2 โครงการ คือ Siam Premium Outlets Bangkok และ Central Village ต่างเปิดตัวในช่วงก่อนโควิด-19 และต้องเผชิญวิกฤตนักท่องเที่ยวหายพร้อมกัน แต่ทั้งสองแบรนด์กลับสามารถ “ประคองตัว” และค่อยๆ ฟื้นตัวจนใกล้ถึงจุดคุ้มทุนในปัจจุบัน 
 
แม้ทั้ง 2 แบรนด์จะยังไม่สามารถสร้างผลกำไรที่มั่นคงได้ แต่แนวโน้มรายได้กลับ เติบโตต่อเนื่องทุกปีหลังโควิด-19 ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
 
สาเหตุหลักทำให้ธุรกิจ Outlet ชะลอตัว ลูกค้าเงียบเหงา 

1.พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ Online Shopping
 

ภาพจาก https://citly.me/2yjE3

ปัจจุบันผู้บริโภคคุ้นชินกับการซื้อสินค้าออนไลน์จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada, Shopee หรือแบรนด์เองที่เปิด Official Store โดยไม่ต้องเดินทาง ทำให้ความจำเป็นในการไป Outlet เพื่อตามหาสินค้าลดราคาลดน้อยลง

2.สินค้าและแบรนด์ไม่สร้างแรงดึงดูดใหม่
 
แบรนด์ที่จำหน่ายใน Outlet ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเก่าหรือสต็อกสะสมจากในประเทศ ไม่มีแบรนด์ระดับ Premium หรือ Luxury ที่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าท่องเที่ยวและนักช้อปต่างชาติ แตกต่างจาก Outlet Mall ญี่ปุ่นหรือยุโรป ที่มีแบรนด์ระดับโลกครบทุกเซ็กเมนต์

3.ทำเลและประสบการณ์ไม่ตอบโจทย์
 

ภาพจาก https://citly.me/2yjE3

หลาย Outlet ตั้งอยู่นอกเมือง เดินทางยาก และขาดสิ่งอำนวยความสะดวกหรือกิจกรรมเสริม ทำให้ลูกค้าท้องถิ่นไม่รู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะเดินทางไป ขณะเดียวกัน Outlet ในต่างประเทศกลายเป็น “ศูนย์การค้าครบวงจร” ที่รวมร้านอาหาร คาเฟ่ และแหล่งพักผ่อนไว้ในที่เดียว

4.การพึ่งพานักท่องเที่ยวสูงเกินไป
 
Outlet หลายแห่งในไทยพึ่งพากลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนและยุโรป เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 หรือการชะลอตัวของตลาดท่องเที่ยว รายได้จึงหายไปอย่างมาก
 
บทสรุป
 

ภาพจาก https://citly.me/2yjE3

กว่า 20 ปีที่ธุรกิจ Outlet Mall ในไทย ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดง่ายๆ เพื่อต้องการที่จะระบายสินค้าที่ค้างสต็อก กลับกลายมาเป็นหนึ่งในโมเดลค้าปลีกที่เคยได้รับความนิยมสูงในหมู่นักช้อปและนักท่องเที่ยว 
 
แต่โลกการค้าปลีกไม่เคยหยุดนิ่ง การเข้ามาของเทคโนโลยี ความต้องการสะดวกสบายของการช้อปออนไลน์ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์และคุณค่ามากกว่าราคา ทำให้รูปแบบ Outlet แบบเดิมเริ่มไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
 
ตัวเลขรายได้ที่ลดลงและผลขาดทุนต่อเนื่องของทั้ง FN Outlet และ Premium Outlet สะท้อนให้เห็นว่าการยึดติดกับโมเดล “ขายสินค้าลดราคา” เพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจค้าลีกยุคใหม่อีกแล้ว ธุรกิจต้องก้าวสู่การ “รีแบรนด์” ครั้งใหญ่ ทั้งในด้านสินค้า โลเกชั่น การบริการ และประสบการณ์ของลูกค้า
 
บทเรียนจาก Outlet Mall ในประเทศญี่ปุ่น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ส่วนลดเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การสร้าง Outlet Mall ให้เป็นตจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ที่รวมทั้งการช้อปปิ้ง การพักผ่อน และไลฟ์สไตล์ไว้ในที่เดียว เป็นสถานที่ที่คนอยากมาใช้เวลาอยู่นานๆ ไม่ใช่แค่แวะมาซื้อของ
 
ดังนั้น หาก Outlet Mall ไทยต้องการกลับมาเติบโตอีกครั้ง การปรับตัวต้องเริ่มจากการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ สร้างคุณค่าที่มากกว่า “ของราคาถูก” และพัฒนาให้กลายเป็น “Lifestyle Destination” ที่เชื่อมโยงการช้อปปิ้งกับประสบการณ์การใช้ชีวิตในมิติใหม่
 
อ้างอิง

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อวสาน E-commerce ไทย? ต่างชาติรุกหนัก ตลาดไทยกำล..
860
อวสานร้านอาหาร! คนทำทยอยเซ้ง คนเจ๊งทยอยขาย
672
เศรษฐกิจยังทรุด! 9 แบรนด์ดังไทย-เทศ “ปิดกิจการ-ล..
553
จิตวิทยาตั้งราคา! Psychological Pricing ทำให้ลูก..
481
Ediya Coffee (이디야커피) แฟรนไชส์ร้านกาแฟที่มีชื่อเส..
431
โชว์รูมรถ ปี68 ปิดเกือบ 100 หายนะเศรษกิจไทย
429
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด