บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
2.7K
2 นาที
9 มกราคม 2560
5 วิธีทำตลาดติดไอเดียให้เด่นดังปี 2017

 
ในปี 2560 นี้คาดว่าไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่ในเวทีธุรกิจต่างประเทศก็เช่นกันคงมีการขับเคี่ยวกันในเชิงกลยุทธ์กันมากขึ้น

ประสบการณ์จากปี 2559 จะถูกนำมาเป็นพื้นฐานเพื่อต่อยอดให้ปีนี้ธุรกิจสามารถทำกำไรได้มากขึ้นและหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่คาดว่าจะเป็นความน่าสนใจอย่างมากคือการโฆษณาแบบสร้างสรรค์หรือเรียกว่าจะต้องมีการcreativeกันมากขึ้น
 
และนี่คือ 5 วิธีการทำตลาดแบบติดไอเดีย ที่คาดว่าจะเป็นเทรนด์สร้างสรรค์น่าสนใจในปี 2560 และน่าจะเป็นข้อมูลพื้นฐานอันดีที่ให้เราสามารถผลิตโฆษณาสินค้าที่น่าสนใจได้มากขึ้นซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com ได้รวบรวมเอา 5 เทรนด์ดังกล่าวมาฝากกันเพื่อให้ไปต่อยอดการทำธุรกิจได้ทันทีทันใด
 
1.เทคโนโลยี และ Interface ต่างๆ จะเริ่มมาอยู่บนร่างกายมนุษย์ อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ในปีที่ผ่านๆมาการโฆษณาบนเว็บไซต์เราอาจคุ้นเคยกับคำว่า User Experience (UX) และ User Interface (UI) ซึ่ง UX นั้นจะเน้นไปที่การสร้างความพึงพอใจของผู้ใช้

ส่วน UI เน้นที่ความสวยงามของฟังก์ชั่นเป็นหลัก แต่ในปี 2560 นี้สิ่งที่จะแตกต่างออกไปคือการที่เราอาจจะได้เห็นร่างกายของมนุษย์กลายเป็นช่องทางมีเดียมากขึ้น (Interface) นั้นหมายถึงอาจจะมีเทคโนโลยีที่สามารถใช้โปรแกรมคำสั่งที่ Touch Screen ผ่านร่างกายได้มากขึ้น

ซึ่งก็เป็นความพยายามในการสร้างไอเดียการค้าที่แตกต่างและฉีกแนวออกไปและไม่ใช่แค่แนวคิดแต่ทุกวันนี้ Google Jacquard เองก็เริ่มทดลองใช้ Touch ผ่านเสื้อผ้าและคาดว่าคงมีอีกหลายค่ายที่จะใช้ไอเดียนี้มาต่อยอดการค้าให้น่าสนใจได้มากยิ่งขึ้น

2. การโฆษณาสินค้าต้องเน้นสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น

การทำงานครีเอทีฟ และ การตลาด ในรูปแบบเดิมๆ มักเกิดขึ้นแบบ “บนลงล่าง” คือความคิดสร้างสรรค์ และกระแสต่างๆที่ เหล่าแบรนด์ต่างๆสร้างขึ้นมาจะกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ในปี 2560 นี้คาดว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรกลายเป็นแนวครีเอทีฟแบบ “ล่างขึ้นบน”  มากขึ้น ซึ่งนักการตลาดทั้งหลายเองคาดว่าด้วยวิธีใหม่นี้จะกระตุ้น Passion ของผู้บริโภคได้มากขึ้น

ซึ่งตัวอย่างของเรื่องนี้เช่นกิจกรรมทางการตลาด ที่สร้างขึ้นเฉพาะบุคคลกลุ่ม เช่นBaby Night ของ ห้างสรรพสินค้า Carrefour ในประเทศฝรั่งเศส ที่พบ Insight ว่าพ่อแม่ลูกอ่อนนั้น ตอนกลางคืนย่อมไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเป็นเรื่องธรรมดา เขาเลยจัดโปรโมชั่นช้อปสินค้าออนไลน์ ประเภทของใช้เด็กอ่อน กันรอบดึกในเว็บไซต์ ยิ่งดึกเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกเท่านั้น
 
3. การโฆษณาที่ต้อง  “ความจริง” เป็นสิ่งสำคัญ

หลายคนอาจจะเคยได้ยิน คำว่า TRUTH-VERTISING คือการใช้ “ความจริง” ออกมาโฆษณา ซึ่งหลายๆปีที่ผ่านมา ก็เป็นที่ยอมรับความวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผล และมีประสิทธิภาพ เพราะจะทำให้ลูกค้า หรือผู้บริโภคเชื่อใจ ในแบรนด์ที่จริงใจมากกว่า

ซึ่งในปี 2560 นี้ น่าจะเป็นปีที่ผู้คนมีความหลากหลายมากขึ้น ผู้คนจะแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆอย่างละเอียดมากขึ้น นั้นหมายถึงการใช้ศาสตร์แห่งความจริงมาเกี่ยวโยงในงานโฆษณาจะสร้างความประทับใจได้ดีกว่า

ยกตัวอย่าง “Run like a girl” ซึ่งเป็นแคมเปญที่หยิบเอา”เรื่องจริง” ของสังคมออกมาพูดถึง ทัศนคติที่คนทั่วไปมองผู้หญิงว่าอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้นเลย ผลงานชิ้นนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของ การใช้”ความจริง” พูดกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะอย่าง”ผู้หญิง”ได้อย่างตรงจุดที่สุดแน่นอนว่าย่อมทำให้คนสนใจในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญนั้นๆได้ดีด้วย
 
4. เปลี่ยน Data ให้เป็น งานโฆษณาสุดสร้างสรรค์

คำว่าข้อมูล (Data) สินค้านั้นสามารถขับเคลื่อนแบรนด์ให้เกิด คุณค่า สร้างประสบการณ์เฉพาะของแต่ละคน ที่ผู้บริโภคจะสนใจ และทำให้แบรนด์มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ ความจริงแล้วการนำข้อมูลของสินค้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาถือเป็นการสร้างให้ลูกค้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ได้อย่างเป็นธรรมชาติและถ้าครีเอทีฟจะหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นโจทย์ในการทำโฆษณาก็ถือว่าเดินมาถูกทางแล้วเช่นกัน

ยกตัวอย่างการใช้ Data มาใช้ในการสร้างสรรค์ที่ผ่านมานี้ เช่น Billboard ของ Spotify บริการ Streaming เพลง ของอเมริกา ที่นำข้อมูลเฉพาะของผู้ใช้งาน เวลาที่พวกเขาเสิร์ชเพลง

เอามาขึ้นบิลบอร์ดเพื่อทักทายผู้คนหรืออย่างสายการบินอย่าง Brittish Airways ที่นำเอา Data ซึ่งเป็นเส้นทางของเครื่องบินที่บินผ่านท้องฟ้ามาเป็นโจทย์แล้วสร้างบิลบอร์ดขนาดเล็กโดยมีเด็กทำท่าทักทายเครื่องบินของจริงที่อยู่บนท้องฟ้าก็ถือว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อยทีเดียว เมื่อเครื่องบินบินผ่านบิลบอร์ด เด็กในบิลบอร์ดก็จะทักทายเครื่องบินบนฟ้า แบบแม่นยำ
 
5.การใช้ความเชื่อใจเป็นโจทย์หลักในการสร้างสรรค์งานโฆษณา 

ในปัจจุบันเราอาจมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการตัดสินใจได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น (algorithm) แต่อย่างไรเทคโนโลยีก็ยังมีข้อผิดพลาดและนั้นอาจทำให้แบรนด์ที่ยึดมั่นกับการใช้เทคโนโลยีจาก algorithm สูญเสียความเชื่อมั่นไปจากลูกค้าได้

ยกตัวอย่างเช่นการใช้ภาษาที่ผิดๆกับผู้บริโภค ก็อาจทำให้ลูกค้าไม่สนใจในแบรนด์นั้นๆและกด Skip Ad เวลาที่เขาไม่ต้องการ กดปิดโฆษณาทิ้งไป หรือ แม้กระทั่ง การใช้ Virtual reality ซึ่งตัวอย่างการใช้ความเชื่อใจมาสร้างสรรค์งานโฆษณาได้อย่างน่าสนใจคือHungerithm จากแบรนด์ Snickers ที่เมื่อไหร่คนโมโห อัลกอริทึมจะตรวจจับอารมณ์ในอินเตอร์เน็ต ผ่านการโพสระบายอารมณ์ต่างๆของผู้คน

ต่อมา algorithm จะปรับราคา Snickers ให้ถูกลง และยิ่งโกรธมากเท่าไหร่ ราคา Snickers ก็ยิ่งถูกลงเท่านั้น Hungerithm นี้เป็นผลงานที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สร้างยอดขายให้กับ Snickers และ ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก
 
ยิ่งโลกของเราก้าวล้ำในเรื่องเทคโนโลยีไปมากเท่าไหร่การตลาด หรือไอเดียในการสร้างสรรค์ก็ควรพัฒนามากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้การตลาดไม่ได้มีขอบเขตว่าจะหยุดที่ไหนแต่การตลาดคือการสร้างสรรค์ที่ไม่มีปลายทางยิ่งสร้างสรรค์มากโอกาสยิ่งเปิดกว้างนั้นหมายถึงเรื่องของกำไรที่ดีตามมาในอนาคตด้วย



SMEs Tips สรุปเทคนิคติดไอเดีย 2017
  1. การตลาดยุคใหม่ต้องรู้จักการผสมผสานเอาไอเดียและเทคโนโลยีมาไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
  2. แม้การสร้างสรรค์จะเป็นเรื่องดีแต่สิ่งที่ลูกค้ายังต้องการคือความประทับใจและคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก
  3. นักโฆษณาที่ดีต้องรู้ความต้องการของผู้บริโภคและหยิบมาผสมกับไอเดียจะช่วยดึงดูดสินค้าได้มากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก goo.gl/yWxMmn
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
606
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
499
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
419
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด