บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    Startups    การพัฒนาและการออกแบบ
4.1K
2 นาที
24 มกราคม 2560
7 ข้อต้องรู้ก่อนเริ่มต้น Startup แบบมีงบจำกัด 

 
การเริ่มต้นทำธุรกิจของผู้ประกอบการมือใหม่ ส่วนใหญ่มักคิดว่าจะต้องมีเงินจำนวนมากมารองรับ

เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะกว่า 80% ของสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา ต่างเริ่มต้นธุรกิจด้วยทุนของตัวเองประมาณ 10,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการสตาร์ทธุรกิจได้ดีมากทีเดียว
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาคุณไปดูว่า หากต้องการที่จะเริ่มต้นธุรกิจ Startup ให้ประสบความสำเร็จ ด้วยข้อจำกัดเงินทุนน้อย ผู้ประกอบการจะต้องรู้ในเรื่องอะไรบ้าง ที่จะนำพาพวกเขาไปสู่ความสำเร็จได้ มาดูกันเลยครับ 
 
1. ทำธุรกิจที่คุณรู้จักและหลงรัก


 
เคล็ดลับที่นำไปสู่ความล้มเหลว คือ การเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่คุณไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คุณอยากทำเพียงเพราะเห็นว่าธุรกิจนั้นมีศักยภาพที่ดีน่าลงทุน

อย่างไรก็ตามทุกธุรกิจมักมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้เสมอ และการที่คุณขาดความรู้ในธุรกิจนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง จะทำให้คุณมีต้นทุนมหาศาล โดยเฉพาะต้นทุนการเรียนรู้ นอกจากการทำธุรกิจที่คุณรู้จักและหลงรักแล้ว การมี Connection ที่ดีก็ช่วยให้ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจหลายอย่างเสร็จสิ้นได้โดยใช้เงินเพียงเล็กน้อย
 
2. หาทีมที่ยอมทำงานเพื่อเป็นหุ้นส่วน มากกว่าทำเพื่อเงิน

ใครก็ตามที่คุณดึงมาร่วมทีมด้วย ทุกคนต้องเข้าใจว่าความล้มเหลวของทีม คือ ความล้มเหลวของธุรกิจ มากกว่าคาดหวังเรื่องเงินในภายภาคหน้า การจัดการพนักงานและสัญญาจ้างทั้งยุ่งยากและมีต้นทุนสูง

ซึ่งผู้ประกอบการมือใหม่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ไม่ดีนัก การให้สมาชิกในทีมเป็นหุ้นส่วน จึงเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ทีมยอมร่วมหัวจมท้ายและโฟกัสกับธุรกิจ
 
3. อย่าเริ่มต้นธุรกิจแบบไร้แผน 

 
ผู้ประกอบการใดๆ ก็ตามที่เริ่มต้นธุรกิจแบบไร้แผนจะต้องใช้เงินจำนวนมาก เช่นเดียวกันคนเหล่านั้นจะต้องแบกรับความกดดันที่จะคงความนิยมเอาไว้ตามหน้าสื่อ ทำให้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเอาใจนักลงทุน ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ยอมรับว่า การใช้เงินที่มากเกินไปจะทำให้การตัดสินใจแย่ลง และเกิดการควบคุมไม่อยู่
 
4. อย่ามองหาออฟฟิศ จนกว่าคุณจะได้ลูกค้า

ทุกวันนี้การทำสตาร์ทอัพโดยสมาชิกอยู่กันคนละมุมโลกเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เพราะทุกคนต่างมีสมาร์ทโฟน วิดีโอ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยอำนวยความสะดวก ค่าใช้จ่ายสำหรับสำนักงานเป็นต้นทุนที่แพงเอาเรื่อง

ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้ออุปกรณ์ การจัดสรรพนักงาน และค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทาง ที่ควรทำคือมีเว็บไซต์ เพราะช่วยให้ธุรกิจของคุณดูน่าเชื่อถือ (แม้ไม่มีออฟฟิศ) เทียบเท่ากับคู่แข่งรายใหญ่ได้เช่นกัน
 
5. ดีลเรื่องค่าธรรมเนียมล่วงหน้าจากพาร์ทเนอร์ 

 
ถ้าวิธีแก้ปัญหาของคุณมีคุณค่าจริง พาร์ทเนอร์ในอนาคตย่อมกระโจนเข้ามาร่วมวงด้วยอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าลืมเจรจาเรื่องค่าลิขสิทธิ์หรือค่าธรรมเนียมกันตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะการขอส่วนลด

เพราะทั้งผู้ร่วมทุนและพาร์ทเนอร์จะเข้าใจเรื่องกระแสเงินสดที่ธุรกิจเกิดใหม่ของคุณต้องจัดการ ถือว่าใช้โอกาสนี้เพื่อฝึกทักษะการขายของคุณเองตั้งแต่เนิ่นๆ ไปในตัว
 
6. ต้องรู้จักการเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ ผู้จัดจำหน่าย
 
ถ้าคุณขายสินค้า ซัพพลายเออร์ หรือผู้จัดจำหน่าย จะทำหน้าที่ส่งสินค้าที่อยู่ในคลังแทนคุณ แต่ถ้าคุณขายบริการอย่ากลัวที่จะขอบวกค่าบริการเพื่อชดเชยต้นทุนของคุณ การทำธุรกิจ คือ การเจรจาต่อรอง เพื่อให้ไก้กำไร หรือถูกลง แต่ผู้ประกอบการมือใหม่ที่มีเงินมากมักเกรงใจที่จะต่อรองกับคู่ค้า
 
7. เลือก Business Model ที่เพิ่มประสิทธิภาพช่วยสร้างรายได้ ประหยัดเวลา 

 
ตัวอย่าง Business Model ยอดนิยม เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมสมาชิกรายเดือน และค่าบริการเสริมต่างๆ หรือการขายสินค้าครั้งเดียวจบ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ การสร้างเว็บอีคอมเมิร์ซแทนที่การค้าปลีกแบบดั้งเดิม เพื่อให้ธุรกิจสามารถขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงแก่ลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก
 
หนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและลดความเสี่ยง คือ การใช้ Social Media ซึ่งมีข้อดีคือฟรี และสามารถใช้หยั่งเสียงได้ว่า วิธีการแก้ปัญหาของคุณมีคนสนใจมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่คุณจะลงทุนเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในการผลิตสินค้าและบริการ 
 
นอกจากนี้ Social Media ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง และราคาไม่แพงสำหรับใช้ทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณได้อีกด้วย
 
คุณอาจมองเงินเริ่มต้นธุรกิจที่มีเงินทุนจำกัด ว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด หรือเป็นสิ่งกระตุ้นช่วยให้คุณทำธุรกิจได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้นก็ได้ การทำสตาร์ทอัพมักเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แต่คู่แข่งรายใหญ่ก็สามารถที่จะลอกเลียนแบบ Solution ต่างๆ ที่มีอยู่ในตลาดได้ทันที

และแทบไม่มีความเสี่ยงเลย ดังนั้น จงให้ข้อจำกัดด้านการเงินเป็นตัวขับเคลื่อนให้คุณมุ่งชนะมากกว่าที่จะมองเป็นจุดอ่อนในการเริ่มต้นธุรกิจครับ
 

SMEs Tips 
  1. ทำธุรกิจที่คุณรู้จักและหลงรัก
  2. หาทีมทำงานเพื่อเป็นหุ้นส่วน มากกว่าทำเพื่อเงิน 
  3. อย่าเริ่มต้นธุรกิจแบบไร้แผน  
  4. อย่ามองหาออฟฟิศ จนกว่าคุณจะได้ลูกค้า
  5. ดีลเรื่องค่าธรรมเนียมล่วงหน้าจากพาร์ทเนอร์แทนที่จะขอรับเงินสด
  6. รู้จักการเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ ผู้จัดจำหน่าย
  7. เลือก Business Model ช่วยเพิ่มรายได้ ประหยัดเวลา 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
792
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
709
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
640
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
521
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
438
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
420
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด