บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.4K
2 นาที
14 มีนาคม 2560
5 อาหารแปลกแต่ดี ช่วยเพิ่มกำไรให้ธุรกิจร้านอาหาร
 
เสน่ห์ของร้านอาหารนอกจากรสชาติเป็นเรื่องสำคัญแล้วการนำเสนอเมนูก็มีส่วนช่วยเพิ่มความสนใจของลูกค้าให้รู้สึกอยากรับประทานอาหารมากขึ้น ทั้งนี้การดีไซน์รูปร่างหน้าตาของอาหารก็เป็นศาสตร์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกนิยมชมชอบมากขึ้นแม้บางครั้งเมนูนั้นจะง่ายๆแต่การดีไซน์ที่ดีก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเป็นเมนูไม่ธรรมดาส่งเสริมให้เพิ่มยอดขายได้อย่างไม่รู้ตัว 
 
ในประเทศไทยเองชื่อร้านแบบแปลกๆ ชื่อเมนูแบบแปลกๆก็พอมีให้เห็นกันอยู่บ้างแต่ถ้าจะเอาความจริงจากเรื่องนี้คงต้องไปดูตัวอย่างจากต่างประเทศกับเมนูแปลกใหม่สุดหลากหลายที่เจ้าของร้านได้นำมาเสนอให้กับลูกค้าโดยคิดรูปร่างหน้าตาอาหารให้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ธุรกิจร้านอาหารเมืองไทยน่าจะนำมาปรับใช้ได้บ้าง ก็ลองมาดูกันว่าเมนูชื่อแปลกแต่ดีเหล่านี้มีตรงไหนน่าสนใจ ที่ทำให้เพิ่มยอดขายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 
1.Toad in the Hole (คางคกอยู่ในรู) ประเทศอังกฤษ

หลายคนอาจบอกว่าเราแปลผิดหรือเปล่าแน่นอนว่าเราแปลไม่ผิดและคุณเองก็อ่านได้ถูกต้อง คำว่า Toad หมายถึงคางคก ไม่ใช่คำว่า Toast ที่เรารู้จักกันดีในเมนูอาหารต่างประเทศ

อาหารจานนี้เป็นของร้านอาหารสไตล์พื้นเมืองในประเทศอังกฤษ โดยเมนูนี้เจ้าของร้านบอกว่าเป็นเมนูโบราณของชาวอังกฤษที่ดัดแปลงมาจากเมนูดั้งเดิมอย่าง “ยอร์คเชียร์พุดดิง” (Yorkshire Pudding)  

ส่วนผสมหลักของ Toad in the Hole ได้แก่ แป้ง ไข่ และนมตีให้เข้ากัน ก่อนจะใส่ลงในพิมพ์แล้วอบให้ขึ้นฟู แต่ Toad in the Hole จะพิเศษตรงที่เพิ่มไส้กรอกลงไปในพุดดิง เสิร์ฟพร้อมมันบดและซอสเกรวีหัวหอม หน้าตาที่ออกมาก็เหมือนกับขนมปังอบชิ้นโตที่ท็อปปิงด้วยไส้กรอกจนแน่นขนัด 
 
ซึ่งที่มาของชื่อนั้นบ้างก็ว่าเกิดจากลักษณะของไส้กรอกที่โผล่ออกมาจากพุดดิงแบบไม่เต็มชิ้นเลยดูคล้ายคางคก บ้างก็ว่าแต่เดิมเมนูนี้เคยชื่อ Frog in the Hole (กบอยู่ในรู)

แต่เอาเข้าจริงไม่ว่าจะเป็นคางคกหรือจะเป็นกบ ก็ถือว่าเป็นชื่อแปลกใหม่และมีความน่าสนในชนิดที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาในร้านจะต้องสั่งเจ้าเมนูนี้ บางรายก็ออนไลน์ล่วงหน้า เรียกว่ามีการจองคิวกันไว้ทำให้สร้างชื่อให้ร้านอาหารที่รังสรรค์เมนูพิเศษนี้ไว้ในร้านได้อย่างดีทีเดียว
 
2.Welsh Rabbit (กระต่ายนุ่มชุ่มชีส) ประเทศเวลส์

เป็นการใช้ชื่อสัตว์ในการตั้งชื่ออาหารแต่ทว่าไม่ได้มีการใช้เนื้อกระต่ายในการปรุงอาหารแต่อย่างใด เมนู Welsh Rabbit นี้ กลับเป็นแซนด์วิชโทสต์ที่ราดชีสซอสปรุงรสด้วย เบียร์เอล (Ale) มัสตาร์ด และพริกจนชุ่มฉ่ำ

และความพิเศษของเมนูนี้ที่สร้างชื่อให้เจ้าของร้านขายดิบขายดีคือวิธีการทำที่แตกต่างในแต่ละพื้นที่จะทำไม่เหมือนกัน เช่นตำรับสกอตจะนิยมวางกริลล์ชีสบนขนมปังปิ้ง ตำรับอังกฤษแท้ก็จะนำขนมปังปิ้งมาราดไวน์จนชุ่ม แล้วบรรจงวางชีสชิ้นหนา ก่อนเข้าเตาอบอีกรอบ ส่วนของเวลส์ก็จะวางชีสบนขนมปังปิ้ง นำลงกระทะให้ชีสละลายและปรุงรสให้อร่อย
 
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมถึงต้องเป็นกระต่าย คงต้องยกให้เรื่องโจ๊คของอังกฤษที่เล่ากันในศตวรรษที่ 18 ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่สภาพเศรษฐกิจของเวลส์ตกต่ำมาก ถึงขนาดที่ว่าประชาชนไม่สามารถซื้อเนื้อกระต่ายที่นับเป็นเนื้อราคาต่ำที่สุดในตลาดได้ ดังนั้น “เนื้อ” ที่พวกเขาจะซื้อกินได้จึงมีแค่ “ขนมปัง” เท่านั้น 
 
3.Deviled Egg : ไข่ซาตาน ประเทศเยอรมัน

เป็นสุดยอดเมนูในเมืองเยอรมันที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ใช้ในการเรียกลูกค้าเข้าร้านแม้เมนูนี้จะเป็นอาหารหน้าตาน่าทานแต่ชื่อกับดูรุนแรงและใจร้าย และที่เรียกว่า “ไข่ซาตาน” นั้นเพราะมาจากรสชาติที่เผ็ดจี๊ดถึงเครื่องจนลูกค้าบางคนถึงกับต้องหลั่งน้ำตาให้กับความเผ็ดร้อนจากเมนูนี้  

แต่ถ้าเป็นในเมืองไทยคงบอกว่าเมนูนี้ทำอะไรพี่ไทยไม่ได้แน่ๆ เพราะแท้จริงแล้วเมนูนี้คือไข่ต้มผ่าครึ่งธรรมดาที่คว้านเอาไข่แดงออกไปปรุงกับซอสรสเผ็ด ผสมกับมายองเนส มัสตาร์ด พริกไทย และปาปริกา ก่อนจะหยอดกลับคืนไปบริเวณเดิมเพื่อหลอกว่าเป็น ไข่แดงแสนอร่อย
 
ทั้งนี้ด้วยชื่อที่แปลกและแหวกแนวเกินไปก็มีคนบางกลุ่มพยายามเปลี่ยนชื่อเมนูนี้ซะใหม่จากไข่ซาตานมาเป็นไข่นางฟ้าแต่รสชาติจัดจ้านแบบนี้ชื่อเดิมจะดูเข้ากันได้ดีกว่าซึ่งผลก็เป็นอย่างนั้นเพราะคนส่วนใหญ่ก็นิยมสั่งไข่ซาตานรับประทานมากกว่าที่จะเรียกไข่นางฟ้าซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จักสักเท่าไหร่ด้วย
 
4.Whoopie Pie (เสียงแห่งความอร่อย) ประเทศสหรัฐอเมริกา

คำว่า Whoopie Pie อาจแปลได้ในเชิงไม่สุภาพนักและล่อแหลมไปทางเพศศึกษาซะส่วนใหญ่ ซึ่งที่มาของความล่อแหลมนี้ก็มาจากลักษณะเด่นอันเกิดจากขนมเค้กสองชิ้นที่ถูกประกบกันด้วยครีมแสนอร่อย เป็นเมนูขนมที่เกิดในรัฐเพนซิลเวเนียของสหรัฐอเมริกา

แม้จะขึ้นชื่อว่าพายแต่ Whoopie Pie กลับไม่ใช่พาย เพราะถ้าได้ลองชิมเราคงต้องบอกว่านี่คือส่วนผสมของเค้ก คุกกี้ และพายมารวมกัน คล้ายๆ กับเนื้อของมาการอง และที่มาของชื่อเรียกแปลกประหลาดแต่สร้างกำไรให้กับร้านค้าได้อย่างดีก็มาจากเสียงตะโกนของเด็กๆ ที่ดีใจเมื่อคุณแม่ห่อขนมมาให้กิน “Whoopie ๆ” นั่นเอง
 
5.Hush-Puppies (เมนูหมาเงียบ) ประเทศสหรัฐอเมริกา

ชื่อนี้ก็แปลกไม่แตกต่างจาก Toad in the Hole (คางคกอยู่ในรู) ของประเทศอังกฤษ แต่สำหรับเมนู Hush-Puppies นี้คืออาหารว่างสุดฮิตของชาวอเมริกัน Hush-Puppies รู้จักในอีกหลายชื่อ เช่น Cornbread Ball หรือ Corn Dodgers

ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาตั้งแต่คริสต์ศักราช 1700 ที่มีคนพยายามทำ Croquettes หรือมันบดสอดไส้ชุบขนมปังทอดแต่ปัญหาคือไม่มีมันฝรั่งเลยใช้ข้าวโพดแทน กลายเป็นเมนูใหม่ที่กระแสตอบรับดีเกินคาด จากวิธีทำแสนง่ายเพียงนำข้าวโพดผสมแป้งสาลี ไข่ นม เติมเกลือและเบกกิงโซดาอีกเล็กน้อย ตีให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วนำลงทอดก็เป็นอันเสร็จ
 
ส่วนชื่อว่าหมาเงียบนั้นก็ว่ามาจากการที่ชาวไร่มักใช้ Hush-Puppies โยนให้สุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้าฟาร์มกินเวลาเห่าจะได้เงียบ ส่งผลให้เมนูนี้โด่งดังเป็นพลุแตกและร้านอาหารในอเมริกาจำนวนไม่น้อยก็เอามาต่อยอดทำเป็นเมนูจำหน่ายที่เรียกว่าครบเครื่องทั้ง Story ทั้งรสชาติ น่าสนใจทั้งคู่ทีเดียว
 
แนวคิดการดีไซน์อาหารให้ออกมาสุดเก๋เท่ห์ไม่หยอกทั้งชื่อทั้งหน้าตาแบบนี้ร้านอาหารเมืองไทยจะลองเอาไปประยุกต์ใช้ในการเรียกลูกค้าก็ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีเพราะเราเองได้ชื่อว่าเป็นต้นตำหรับอาหารจานอร่อยที่ต่างชาตินิยมขอเพียงประยุกต์ให้เมนูน่าสนใจยิ่งขึ้นอาจเพิ่มยอดขายสร้างรายได้ที่ดีแบบคาดไม่ถึงก็เป็นได้
 
และสำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะคิดสูตรไหนเมนูอะไรในการทำอาหาร เรามีรวบรวมสูตรสร้างอาชีพที่เป็นเมนูน่าสนใจจำนวนมากไว้ลองเลือกทำกันได้ตามความเหมาะสม

ดูรายละเอียด goo.gl/4gSddZ
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
613
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
519
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
436
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
424
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
419
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด