บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
5.6K
3 นาที
18 กันยายน 2560
เปิดตำราคนสู้ชีวิต “ศิริวัฒน์แซนด์วิช” ล้มแล้วต้องลุก
 
 
หากเอ่ยชื่อของ “ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ” คนรุ่นหลังๆ หลายคนอาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าเป็น “ศิริวัฒน์แซนด์วิช” คงคิดว่าไม่มีใครไม่รู้จัก คุณศิริวัฒน์เป็นหนึ่งในตัวละคร “ต้มยำกุ้ง” วิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 จนกลายเป็นหนี้สินล้นพ้นเกือบพันล้านบาท จากการนำเงินไปลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ 
 
เมื่อเงินบาทลอยตัวขึ้นเรื่อยๆ หนี้สินที่เกิดขึ้นจากการไปกู้ยืมเงินจากธนาคารต่างประเทศมาลงทุนในหุ้น ก็สูงขึ้นเรื่อย ในขณะที่หุ้นก็ขายไม่ได้กำไร สุดท้ายเมื่อไม่สามารถนำเงินไปชำระธนาคารได้ ก็ถูกฟ้องร้องล้มละลายในที่ศาล แต่อะไรก็แล้วแต่ทำให้คุณศิริวัฒน์โชคดี ถูกฟ้องร้องล้มละลายไปเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น
 
วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะพาคุณผู้อ่านไปเปิดตำราคนสู้ชีวิต คนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อย่าง “ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ” อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และนักลงทุนในตลาดหุ้น ปัจจุบันทำธุรกิจขาย “แซนด์วิช” และสินค้าอื่นๆ 
 
“เศรษฐกิจซึมยาว” เตือนคนไทยให้ระมัดระวัง  
 
คุณศิริวัฒน์แม้จะได้รับบทเรียนราคาแพงจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 จากการลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่ปัจจุบันเขายังติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวสารในแวดวงตลาดหุ้นอยู่ กล่าวคือตั้งแต่ปี 2540 เขาไม่เคยทิ้งตลาดหุ้น แต่ไม่ได้นำเงินไปลงทุนเหมือนเดิมเท่านั้น ที่ติดตามเพราะจะได้นำเอาวิกฤตสมัยนั้นมาเป็นตำราถ่ายทอดให้กับผู้อื่น 
 
คุณศิริวัฒน์ มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ดูเหมือนจะหนักกว่าปี 2540 ผลกระทบเศรษฐกิจได้ลงลึกไปถึงคนระดับกลาง-ล่าง กลุ่มคนดังกล่าวมีหนี้สินเกือบทุกคน โดยเฉพาะหนี้สินภาคครัวเรือนมากถึง 11 ล้านล้าน 

ขณะที่ GDP อยู่ที่ 15 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นหนี้เกือบ 80% คนระดับกลาง-ล่าง รายได้ที่หามาได้ส่วนใหญ่จะเอาไปใช้หนี้ เพราะคนเหล่านี้เอาเงินอนาคตมาใช้กันหมดแล้ว ช่วงนี้จึงเห็นพวกเขาไปซื้อของอย่างอื่นน้อยลง กำลังซื้อก็น้อยลง 
 
 
หนี้สินก็ต้องชำระอีกหลายปี ประกอบกับภาคการส่งออกของไทยในช่วงที่ผ่านมา ไม่ค่อยดี ไม่เหมือน 20 ปีที่แล้ว ที่การส่งออกดี เพราะว่าเงินบาทเราลดค่า จากเหรียญละ 26 บาท ไปต่ำสุด 56.50 บาท ก็เลยทำให้สินค้าส่งออกเราถูก ก็เลยส่งออกได้เยอะ การท่องเที่ยวก็โตด้วย เพราะคนมาเที่ยวไทยบอกว่าสินค้าราคาถูก 
 
แต่วันนี้เงินบาทแข็งค่า 33.50 บาท ก็เลยทำให้สินค้าส่งออกของเราแพง คนมาเที่ยวเมืองไทยก็เลยแพงขึ้น แต่ฐานะทางเงิน การคลังของประเทศแข็งแรงมาก เงินบาทไม่มีวันไปอ่อนตัวเหมือนสมัยก่อน แต่จะไปส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศอย่างกว้างขวาง คนระดับกลาง ระดับล่างหลายคน กำลังซื้อของคนกลุ่มนี้จะหายไปเยอะ  
 
ดังนั้น เศรษฐกิจของไทยตอนนี้จะซึมไปเรื่อยๆ ซึมเท่าเดิม ซึมกว่าเดิม ไม่สดใสเหมือนเดิม ทุกคนต้องระมัดระวัง อย่าประมาท ถึงแม้ว่าคนไทยจะมีความหวังว่า ปีนี้ไม่ดี ปีหน้าก็ดีเอง แต่จริงๆ เศรษฐกิจตอนนี้ ทำให้คนหดหู่กันเยอะ 

ชีวิตไม่ยอมแพ้ ล้มแล้วต้องลุก   


 
วิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 คุณศิริวัฒน์ไม่คิดที่จะทอดทิ้งพนักงาน เพราะพ่อแม่ของเขาได้สั่งสอนมาว่า “อย่าทิ้งลูกน้องเมื่อยามลำบาก” คนที่อยู่กับคุณศิริวัฒน์ เขาก็ต้องเลี้ยงดูต่อไป แล้วมองหาธุรกิจทำ เพื่อความอยู่รอดในตอนนั้น โดยเขาเลือกขายแซนด์วิช เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น ลงทุนด้วยเงิน 2 แสนบาท ซึ่งนั่นรวมค่าออกแบบโลโก้ของแซนด์วิชด้วย 
 
สาเหตุที่ทำแซนด์วิชขาย คุณศิริวัฒน์บอกว่า ทำง่าย ทำอย่างอื่นไม่เป็น แต่แฟนเคยทำแซนด์วิชให้ลูกกินเป็นประจำ แฟนก็เลยบอกว่าจะทำแซนด์วิชให้ตนเองขาย เพราะไม่ต้องทำขนมปังเอง แค่ไปซื้อเขามา แล้วประกอบกับส่วนผสมอื่นๆ 
 
ขนมปังที่คุณศิริวัฒน์ซื้อมาทำแซนด์วิช คือ ขนมปังยามาซากิ แบรนด์ญี่ปุ่นแต่มีขายตามห้างสรรพสินค้าในเมืองไทย เริ่มแรกแซนด์วิชของคุณศิริวัฒน์ขายในราคาชิ้นละ 25 บาท แพงกว่าคนอื่น เพราะเขาใช้ขนมปังเกรดดี มีคุณภาพ ทำสดๆ สะอาดทุกวัน ถ้าวันไหนขายไม่หมดก็จะให้พนักงานกินฟรี ถ้าพนักงานไม่กินก็แช่ตู้เย็น แล้วไปแจกสถานมูลนิธิต่างๆ 
 
 
ปัญหาแรกๆ ของคุณศิริวัฒน์มีมากมาย ตั้งแต่สถานที่ขายแซนด์วิช ตอนแรกขายไม่ดีเท่าไหร่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ก็เลยคิดหาสถานที่อื่นๆ แต่ติดตรงค่าเช่าแพง จึงคิดที่จะขายข้างถนน เหมือนที่เขาได้เห็นในอเมริกา ยืนคล้องคอขาย 
 
เมื่อตัดสินใจขายข้างถนน ริมฟุตบาท หรือทางเท้า คุณศิริวัฒน์ก็มาเจอปัญหากับเทศกิจ โดนจับแล้วจับอีก จับจนเบื่อแล้วไม่ยอมเสียค่าปรับ เทศกิจก็ต้องยอมปล่อยตัว  
ต่อมาก็เรื่องขายของแพง เพราะหลังจากขายแซนด์วิชได้ 3-4 เดือน คุณศิริวัฒน์ต้องขึ้นราคาเป็น 30 บาท เพราะขนมปังยามาซากิปรับราคาขึ้น พอเห็นว่าแพง ลูกค้าก็ไม่ซื้อ หันไปซื้อตามรถเข็นราคาถูกกว่า 10-12 บาท 
 
 
แต่คุณศิริวัฒน์ก็ยังโชคดีหน่อย ที่สื่อต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือ ทำข่าว สัมภาษณ์ ทำให้ผู้คนได้รู้จักมากขึ้น จึงทำให้มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุน ให้กำลังใจ โดยยึดหลักซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทำแซนด์วิชสดใหม่ทุกวัน 
 
ลูกค้าที่มาซื้อตอนแรกๆ เป็นคนทำงานออฟฟิศ ขายตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า พอสายๆ ก็ไปยืนขายตามหน้าธนาคาร พอตกตอนบ่ายก็ไปยืนขายหน้าโรงเรียน แรกๆ ก็ขายยาก เพราะส่วนใหญ่เด็กจะกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่อาศัยว่าตนเองอดทน ทำของดีมาขายให้แก่ลูกค้า กระทั่ง 4-5 ปีต่อมา ลูกค้าก็รู้จักมากขึ้น 

เกือบล้มอีกครั้ง แค่สะดุด 

 
 คุณศิริวัฒน์ยังมีสินค้าอื่นๆ ด้วย เช่น ข้าวกล้องอบกรอบรสสาหร่าย พิตต้าแซนด์วิช ซูชิข้าวกล้อง น้ำเม่าเบอรี่ เป็นต้น โดยจะนำสินค้าไปขายในห้างด้วย ขายได้ 7 ปี ห้างเอากำไรไปหมด แบ่งให้ห้าง 40% ทำให้ไม่พอค่าใช้จ่าย ทั้งเงินเดือน ค่าเช่า ตั้งแต่เมษายน 2560 ที่ผ่านมา ไม่ขายบนห้างแล้ว จึงหันมาขายแซนด์วิชอย่างเดียว 
 
เขาบอกว่า ขายในห้างกว่าจะได้เงินก็ปาไป 45 วัน ได้ 60% ส่วนขายแซนด์วิชได้กำไรเต็มๆ เงินสด ไม่ต้องแบ่งใคร เรียกได้ว่าขายของในห้างตนเองก็ต้องกินน้ำใต้ศอกเขา ทำตามเงื่อนไขทุกอย่าง สำหรับตนเองขายจนไม่ไหวก็เลยต้องถอย 
 
สำหรับสินค้าหลักๆ ที่ขายตอนนี้ คือ แซนด์วิช ข้าวกล้องอบกรอบรสสาหร่าย พิตต้าแซนด์วิช มีบริการเดลิเวอรี่ บริษัทอยู่แถวสาธร ถ้าละแวกใกล้เคียงจะให้ลูกค้าส่งฟรี ถ้าไกลกว่านั้นก็คิดค่าขนส่งตามระยะทาง สั่งซื้อขั้นต่ำ 250 บาท 

เปิดโอกาสให้คนอยากมีรายได้

 
คุณศิริวิฒน์เปิดโอกาสให้คนอยากมีรายได้ หรือนักเรียนนักศึกษาช่วงปิดเทอม มาขายแซนด์วิชสร้างรายได้วันละ 300-500 บาท ยืนขายตามรถไฟฟ้า ย่านออฟฟิศ สำนักงาน คนทำงานที่คนพลุกพล่าน เพราะปัจจุบันคุณศิริวัฒน์ต้องลงทุนไปยืนขายแซนด์วิชด้วยตัวเอง ลูกน้องที่เคยขายก็ไปทำอาชีพอื่น ทุกวันนี้ขายได้วันละ 100-150 ชิ้น  
 
นอกจากนี้ยังต้องการพนักงานฝ่ายผลิตหญิง (นอนพักออฟฟิศ) และพนักงานส่งสินค้า เพราะหลังจากคุณศิริวัฒน์ได้ทำการตลาดผ่านทางออนไลน์ มีการถ่ายวิดีโอโพสต์คลิปบนเฟสบุ๊ค ไลน์แอด ก็ทำให้มีคนรู้จักและติดตามอย่างแพร่หลาย 
 
สุดท้ายคุณศิริวัฒน์ได้ให้ข้อคิดกับผู้อ่าน “คนเราล้มแล้วต้องลุก ตนเองล้มเมื่อปี 40 ก็ลุกมาทำแซนด์วิช แต่มาตอนนี้ตนเองก็ล้มอีก แต่ไม่ได้ล้มละลาย ไม่ได้เจ๊ง เพียงแค่สะดุดเท่านั้น ที่ผ่านมาทำของไปขายในห้าง 7 ปี แต่ไม่ได้กำไร จนบริษัทขาดทุน ทางออกก็ต้องลดเงินเดือนพนักงาน ผมกับภรรยาไม่เอาเงินเดือน ทำให้ฟรีๆ เพื่อให้เรือลำนี้อยู่รอดได้”  

เรื่องราวการดำเนินชีวิต การต่อสู้ และดิ้นรน เพื่อให้ตัวเองสามารถลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้งของ "ศิริวัฒน์" ถือเป็นตำราเรียนชั้นเอก ที่เราทุกคนสามารถนำไปเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต รวมถึงนำไปปรับใช้กับการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดีครับ และเชื่อว่าเขาคนนี้ คงไม่หยุดอยู่แค่นี้ ต้องติดตาม!
 
 
อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://www.thaifranchisecenter.com/home.php

 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
จับเทรนด์ยุคใหม่ เลิกกลัว AI แย่งงาน แต่ให้กลัวค..
2,767
รวมธุรกิจเสือลำบาก ปี 2567/2024 โหดจัด ไปไม่รอด!
1,338
เศรษฐกิจทรุดครึ่งปี! เลิกจ้างงานนับหมื่น บริษัทฯ..
545
รวมวิธีคิดเหนือชั้นทำให้รู้ว่า “ธุรกิจติดตลาด” ห..
531
10 ไอเดียแคมเปญโปรโมชั่น ร้านอาหาร เพิ่มยอดขาย ฉ..
475
นักธุรกิจ vs นักธุรโกย ต่างกันอย่างไร
440
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด