บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.4K
2 นาที
20 พฤศจิกายน 2560
ถ้าโลกไม่ต้องพึ่งน้ำมัน! ธุรกิจไหนที่ต้องปรับตัว?
 

น้ำมันเป็นสิ่งที่มนุษย์เรารู้จักกันมานานหลายพันปีพัฒนาต่อเนื่องจนมาเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่โดยปัจจุบันซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันส่งออกได้มากกว่า 260,000 ล้านบาเรลล์หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของปริมาณน้ำมันที่มีในโลก

อย่างไรก็ตามช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีแนวคิดของการหันมาใช้พลังงานทดแทนที่ไม่ใช่น้ำมันและทั่วโลกก็ดูเหมือนจะขานรับกับแนวคิดนี้อย่างดีเป็นสิ่งที่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าน่าสนใจเพราะหากโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปถึงจุดนั้นจะต้องมีธุรกิจไหนที่รีบปรับตัวกันบ้าง
 
แนวโน้มการขานรับโลกยุคใหม่ไร้น้ำมัน!
 
ภาพจาก goo.gl/o4xvcz

ตามรายงานของ Bloomberg กล่าวว่า ภายในปี 2022 ราคาของรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และในปี 2040 รถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของรถยนต์ทั้งหมด

นั้นหมายถึงอัตราการใช้น้ำมันทั่วทั้งโลกจะเหลือแค่ 13 ล้านบาเรลล์ต่อวัน น้อยกว่าในปัจจุบันที่มีการใช้อยู่ประมาณ 95 ล้านบาร์เรลต่อวัน สวนทางกับพลังงานทดแทนอย่างโซลาร์เซลในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีอัตราลดลงกว่า 160 เท่าตัวปัจจุบันเหลือที่ 22 บาท/วัตต์ในขณะที่จำนวนการติดตั้งทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 32,000 เท่า
 
ตลาดใหญ่อย่างจีนเองก็มีแนวโน้มการขานรับโลกยุคไร้น้ำมันเช่นกันด้วยรายงานข่าวจากรอยเตอร์ระบุว่า ทางรัฐบาลจีนได้คาดการณ์ไว้ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2016 จะเพิ่มเป็น 6 แสนคัน คิดเป็น 2 เท่าของปี 2015 ซึ่งทางรัฐบาลกำลังเร่งก่อสร้างสถานีสำหรับชาร์จไฟฟ้าให้เพียงพอ

ภาพจาก goo.gl/cF1Xpi
 
ยังไม่รวมประเทศในแถบยุโรปที่มีการกำหนดเส้นตายการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์เช่นที่ เยอรมนีได้กำหนดเรื่องนี้ไว้ในช่วงปี 2030-2040  ส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ต้องเริ่มหันมาพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือโซลาร์เซลล์มากขึ้นด้วย
 
ผลกระทบนี้ธุรกิจไหนต้องรีบปรับตัว?
 
ภาพจาก goo.gl/9Jcieg

เป็นความจริงที่ว่าเราจะเพิกเฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดเพราะแนวโน้มนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่อินเดียได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าในปี 2030 อุตสาหกรรมยานยนต์จะผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น นั้นยังไม่รวมการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับอันเป็นการพัฒนาที่ต่อเนื่องจากเรื่องนี้ขึ้นไปอีกขั้น
 
ผลกระทบเรื่องนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มโอเปคที่เน้นการขายน้ำมันส่งออกเป็นหลัก หากเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ต้องมีการสร้างอุตสาหกรรมใหม่มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะกับซาอุดิอาระเบียที่เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันมานานแสนนาน ดังเราจะเห็นภาพว่าการดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในตะวันออกกลางมากขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวในเรื่องนี้
 
ธุรกิจตัวต่อไปที่ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนก็คือสถานีบริการน้ำมันทั้งหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังเช่นเราจะเห็น ปตท. มีการลงทุนในธุรกิจ None-oil มากขึ้น ซึ่งต่อจากนี้เราจะเห็นความเป็นคอมมูนิตี้หรือการรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม รวมถึงใช้พื้นที่ศูนย์ “FIT Auto” ในปั๊มเป็นจุดรับส่งพัสดุรองรับการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซตามเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

ภาพจาก goo.gl/EUKWcH
 
นอกจากนี้สถานีบริการน้ำมันอย่างปั๊มบางจากก็หันมาสนใจในการพัฒนาแบตเตอรี่แต่ไม่ใช่การลงทุนผลิตแบตเตอรี่ แต่ไปลงทุนต้นน้ำของแบตเตอรี่ คือการร่วมลงทุนในเหมืองแร่ “ลิเทียม” ในอาร์เจนตินา และสหรัฐอเมริกา

รวมถึงการสร้างธุรกิจชีวภาพที่มุ่งหวังจะเป็นผู้ผลิตและสร้างผลิตภัณฑ์จากเอทานอลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจไบโอฟาร์มาซูติคอล รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วย
 
ดังจะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นและไม่ใช่เรื่องที่ควรจะปล่อยให้ผ่านไป โดยเฉพาะในหมวดหมู่อุตสาหกรรมพลังงานหากไม่มีการเร่งปรับตัวความเสียหายที่ตามมาจะประเมินค่าไม่ได้ ธุรกิจที่อยู่รอดต่อจากนี้คือคนที่รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เท่านั้น
 
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
422
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด