อาหารแม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปัจจัย4 ที่มนุษย์ขาดไม่ได้ แต่ลำพังการจะใช้เพียงสมมุติฐานนี้แล้วมาการันตีว่าหากเราเปิดร้านขายอาหารแล้วจะต้องขายดี อันนี้ก็อาจจะเสี่ยงเจ๊ง เพราะในความจริงธุรกิจร้านอาหารเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีคู่แข่งสูงมาก

ตัวชี้วัดความอยู่รอดคือ คุณภาพสินค้า การบริการ กลยุทธ์การตลาด ซึ่งก็ต้องขับเคี่ยวชนิดที่บางครั้งต้องทุ่มทุนสร้างเพื่อสร้างฐานลูกค้าให้มากขึ้นหรืออยากให้ลูกค้าอยากจ่ายเงินเพิ่มในร้านอาหารเรามากขึ้น

 

สิ่งที่ www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าน่าสนใจและคนทำธุรกิจอาหารก็คงสนใจไม่แพ้กันคือ “แล้วจะทำอย่างไร” ในการที่จะเพิ่มลูกค้าในร้านจาก 100 เป็น 150 หรือดึงคนที่ไม่เคยเข้าร้านให้เข้ามาใช้บริการ อันหมายถึงการสร้างความรู้สึกให้ลูกค้าอยากจ่ายเงินให้กับร้านอาหารของเรา

 

ภาพจาก goo.gl/Jt72rS

 

กลยุทธ์พื้นฐานคือ การใช้ใบปลิว หรือโฆษณาในโซเชี่ยลต่างๆ แต่ปัญหาที่เจอคือลูกค้าก็มีแต่กลุ่มเดิมๆที่มาใช้บริการ สิ่งที่จะช่วยให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นคือ “บัตรสมาชิก” และแน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่พิจารณาแล้วว่ายอดขายและลูกค้าก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

 

ยกตัวอย่าง ลูกค้า 1 คนมากินครั้งเดียวจ่าย 100 บาท ทั้งเดือนเรามีรายได้จากคนนี้แค่ 100 บาท แต่ถ้ามีระบบบัตรสมาชิกให้ลูกค้าคนนี้ทำ แล้วในครั้งต่อไปมีส่วนลด 10-20% ลูกค้ามาครั้งหน้าก็จะจ่ายแค่ 80-90 บาท เมื่อลูกค้ารู้สึกว่าจ่ายน้อยลงในขณะที่คุณภาพการบริการยังดีเหมือนเดิม เขาก็จะรู้สึกต่อแบรนด์เราดีขึ้น ใช้จ่ายกับเรามากขึ้น เพิ่มโอกาสในการเข้าร้านจากที่เคยมาแค่เดือนละครั้งอาจเป็นเดือนละ 2-3 ครั้ง รายได้เราก็มีมากขึ้นด้วย

 

ภาพจาก goo.gl/images/x3v1BW

 

ก่อนอื่นเราต้องกำหนดกติกาว่าหากลูกค้ามาตั้งแต่กี่คนขึ้นไป เราจะมอบส่วนลดให้กับลูกค้ากลุ่มนั้นทันที กลยุทธ์นี้มีผลดีทั้งในแง่รายได้ที่เพิ่มขึ้นและภาพลักษณ์ของร้านที่ทำให้ดูมีลูกค้าจำนวนมาก

 

ดีกว่าการทำโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่มาแค่คนเดียว หรือหากจะคิดต่อยอดมากขึ้นก็ทำโปรโมชั่นสำหรับครอบครัวเพื่อดึงดูดให้มีความพิเศษยิ่งขึ้น

 

ภาพจาก goo.gl/images/PQR57X

 

ในเมนูสิ่งที่ควรมีนอกจากรูปภาพอาหารและราคาที่ชัดเจน การจัดเรียงราคาก็มีผลต่อการตัดสินใจเช่นกัน เราควรเรียงลำดับราคาอาหารในแต่ละหมวดหมู่จากมากไปน้อย

 

ซึ่งการตัดสินใจของคนส่วนใหญ่จะขยับไปดูเมนูที่ราคาย่อมเยาว์และเมื่อเขาเห็นว่าราคาในเมนูนั้นมีตั้งแต่แพงและไล่ลงไปเรื่อยๆ เขาจะรู้สึกว่าไม่เป็นภาระในการจ่ายเงินก็จะทำให้กล้าสั่งอาหารมากขึ้น

 

ภาพจาก goo.gl/images/UMSJcu

 

นอกจากอาหารดี บริการดี บรรยากาศในร้านก็ต้องดี คนที่รับประทานอาหารย่อมต้องการความผ่อนคลาย ดังนั้นเราอาจต้องเพิ่มต้นทุนเพื่อจ้างนักดนตรีหรือมีการเปิดเพลงเบาๆในร้าน ให้ลูกค้ารู้สึกถึงอารมณ์สุนทรีย์ บางครั้งลูกค้าอาจจะมาที่ร้านด้วยความเหนื่อยล้า เสียงเพลงจะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกดีและกลายเป็นลูกค้าประจำของเราได้

 

ภาพจาก goo.gl/images/kgDn9y

 

เพื่อสร้างจุดเด่นเราอาจจะกำหนดให้ร้านอาหารของเรามีเมนูสุดพิเศษ เพียงเดือนละ 1 ครั้ง หรือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งเมนูดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับว่าเราขายอาหารเกี่ยวกับอะไร เช่น ถ้าเป็นอาหารตามสั่งอาจมี “เมนูชามยักษ์” หรือร้านขายก๋วยเตี๋ยวอาจมีเมนู “ก๋วยเตี๋ยวทะเลเดือด” ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกติดตามและอยากเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

 

ภาพจาก goo.gl/z4g6NP

 

การรู้ข้อมูลลูกค้าว่าเกิดวันไหน จะช่วยให้เราสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากขึ้น เช่น หากเรารู้ว่าลูกค้าประจำเราเกิดวันนี้อาจมีเซอร์ไพรเป็นเค้กวันเกิด ที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจในร้านค้าของเรา และช่วยทำการตลาดบอกต่อแบบเราไม่ต้องเสียค่าโฆษณา

หรือจะเลือกเอาวันพิเศษอื่นๆ เช่น วันแม่ วันพ่อ วันปีใหม่ ที่อาจจะมีโปรโมชั่นเด็ดๆโดนๆ ให้ทุกคนรู้สึกถึงความพิเศษของวันดังกล่าว

 

ภาพจาก goo.gl/images/dfq3tt

 

นอกจากบริการภายในร้าน ยุคนี้ควรมีรับจัดนอกสถานที่ด้วย ไม่ใช่แค่ในแง่ของรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่การเปิดตัวนอกสถานที่ยังเป็นการตลาดอีกช่องทางหนึ่งในการพบปะลูกค้าใหม่

 

อาจจะรวมถึงการเข้าร่วมกับกิจกรรมของชุมชนที่จะทำให้ร้านอาหารของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นการเปิดโอกาสให้มีลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้นด้วย

 

ภาพจาก goo.gl/images/KBMa2p

 

การเพิ่มยอดขายเพิ่มรายได้และอยากให้คนจ่ายเงินเข้าร้านไม่ใช่จะโฟกัสแค่คนไทย ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

 

ยิ่งหากเราเป็นร้านในสถานที่ท่องเที่ยวเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งในการทำป้ายร้าน เมนูอาหารที่เป็นภาษาอังกฤษจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินจากชาวต่างชาติได้มากขึ้น

 

ภาพจาก goo.gl/images/XpzhQY

 

บางครั้งลูกค้ามาในร้านก็ไม่รู้ว่าเมนูไหนน่าสนใจและจะสั่งเมนูไหนที่รู้สึกว่าคุ้มค่า การมีเซตเมนูอาหารจะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับการได้รับประทานอาหารที่หลากหลายในราคาที่ประหยัด ทำให้พอใจในการจ่ายเงินเข้าร้านมากขึ้น

 

กลยุทธ์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกร้านฟาสฟู้ดต์ที่มักจัดเซตอาหารเตรียมเอาไว้ ซึ่งเราก็เอาไปปรับใช้กับธุรกิจอาหารที่เราทำอยู่ได้เช่นกัน

 

ภาพจาก goo.gl/images/75ocYt

 

การตั้งชื่ออาหารให้เชื่อมโยงกับครอบครัวนั้นมีส่วนช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น ตัวอย่างชื่อครอบครัวที่ใช้ก็อย่างเช่น พ่อ แม่ ปูย่าตายาย ที่จะถูกตั้งชื่อในเมนูอาหาร เช่น คุกกี้โฮมเมดยี่ห้อ Grandma's warm หรือ สลัดมันฝรั่ง Aunt Margo's famous potato salad ชื่อเมนูอาหารเหล่านี้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อมากขึ้น

 

ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์ใดๆก็ควรให้เหมาะสมกับสถานการณ์หรือความเปลี่ยนแปลงในขณะนั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ธุรกิจของเราเกาะกระแสและลูกค้ารู้จักอย่างต่อเนื่อง การทำตลาดจึงต้องอัพเดทตลอดเวลา หยุดนิ่งเมื่อไหร่คู่แข่งอีกมากจะแซงหน้าเราได้ทันที

 

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)