บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.9K
4 นาที
13 พฤษภาคม 2562
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! Liverpool
 

38 เกม ชนะ 30  เสมอ 7 แพ้ 1 ครั้ง ยิงได้ 89 ประตู เสีย 22 ประตู ทำคะแนนได้ 97 แต้ม มองภาพรวมควรจะได้แชมป์พรีเมียลีกฤดูกาล 2018- 2019 แต่เหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นกับ “Liverpool” ยอดทีมที่มีประวัติศาสตร์ลูกหนังมายาวนาน และนี่ก็ 29 ปีเข้าไปแล้วที่ Liverpool ยังไม่เคยคว้าแชมป์ลีกนับตั้งแต่เปลี่ยนจากดิวิชั่น1มาเป็นพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2018-2019 เป็นแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่คว้าแชมป์ด้วยคะแนน 98 แต้ม ซึ่งมากกว่า Liverpool แค่ 1 คะแนนเท่านั้น
 
www.ThaiFranchiseCenter.com ที่แม้จะอยู่ในแวดวงธุรกิจแต่ก็ไม่ละเลยเรื่องการกีฬาที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะยอดทีมอย่าง Liverpool มีอะไรให้พูดถึงเยอะมาก ซึ่งความยิ่งใหญ่ของ Liverpool นิตยสาร Forbes ยังจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ทีมฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
 
ไม่นับรวมประวัติศาสตร์และการก่อตั้งที่กว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่การเดินทางที่จะมาถึงง่ายๆ แฟน Liverpool ทั้งโลกต่างคุ้นเคยดีกับ “you"ll never walk alone” ที่ไม่ใช่แค่เพลงประจำสโมสรแต่ยังเป็นคำคมและแรงบันดาลใจให้รู้เสมอว่า “คุณไม่เคยเดินเดียวดาย” และนี่คือ 10 เรื่องจริงที่คนเป็นแฟนหงษ์แดงควรรู้
 
1.สโมสรที่ก่อตั้งมานานกว่า 127 ปี


ภาพจาก bit.ly/2WEQF2T
 
ลิเวอร์พูลตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปี ค.ศ.1892 ผู้ก่อตั้งคือ John Houlding นักธุรกิจของเมืองลิเวอร์พูล และว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล เขาเริ่มจากการเช่าพื้นที่บริเวณถนนแอนฟิลด์ของเมืองลิเวอร์พูลเพื่อสร้างสนามฟุตบอล และได้ปล่อยให้ทางสโมสรเอฟเวอร์ตันเช่าในปี ค.ศ. 1884
 
จนกระทั่งเอฟเวอร์ตันเข้าเป็นสมาชิกฟุตบอลลีก และไม่ต่อสัญญาเช่าอีกในปี ค.ศ. 1892 เนื่องจากเขาต้องการขึ้นค่าเช่าสนามจาก 100 ปอนด์ เป็น 250 ปอนด์ต่อปี และพยายามจะเข้าบริหารงาน ของสโมสร ทางเอฟเวอตันจึงตัดสินใจย้ายไปใช้สนามอีกฝากของสวนสาธารณะสแตนลี่ย์พาร์ค และใช้ชื่อสนามว่า กูดิสัน พาร์ค มาจนถึงทุกวันนี้

และเมื่อสนามไม่ได้ใช้ประโยชน์ John Houlding จึงจัดตั้งทีมฟุตบอลของเขาขึ้นมาเองโดยให้เพื่อนสนิทอย่าง John McKenna มาเป็นประธานสโมสรและตั้งชื่อทีมว่าลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับปัจจุบันสโมสรแห่งนี้มีอายุยาวนานถึง 127 ปี
 
2.เริ่มต้นลีกอาชีพอย่างสง่างาม


ภาพจาก bit.ly/2DZKwHd
 
หลังจากตั้งสโมสรก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน ลิเวอร์พูลก็โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด โดยประเดิมสนามนัดแรกด้วยการเอาชนะทีม Rotherham Town ไปถึง 7-1 อีกทั้งการแข่งขันฟุตบอลลีก ของแคว้นแลงคาเชียร์ ซึ่งสามารถเอาชนะทีม Higher Walton ด้วยสกอร์ 8-0 ที่สนามแอนฟิลด์
 
โดยลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะถึง 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีก โดยให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ก่อน ในฤดูกาล 1893-1894 ซึ่งสโมสรสามารถเก็บชัยชนะได้แบบ 100% (ทั้งหมด 28 นัด) แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ หรือก็คือทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน ซึ่งลิเวอร์พูลก็เอาชนะไปได้ 2-0 และได้เลื่อนขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในที่สุด
 
3.ยุคทองของลิเวอร์พูล
 

ภาพจาก bit.ly/2Q1BLRR

ยุคที่รุ่งเรื่องที่สุดของสโมสรคือช่วงระหว่างปี 1970-1980 ช่วงยุคของ ผจก.ทีมที่ชื่อ บิลล์ แชงคลี และ บอบ เพลสลีย์ ทั้งสองเป็นผู้ที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 11 สมัย และยังสร้างความเกรียงไกรให้กับทีมด้วยการนำทัพนักเตะในยุคนั้นเก็บถ้วยรางวัลรายการยูโรเปียนมากถึง 7 ใบ และนั่นก็คือยุคที่เฟื่องฟูที่สุดของสโมสรจากเมอร์ซีย์ไซด์ ในภาคการปกครองตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ
 
4.รูปปั้นหน้าสนามแอนฟิลด์คือ บิลล์ แชงค์ลี่
 
ภาพจาก bit.ly/2VzHq7o

ในช่วงศตวรรษที่ 20-50 ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างที่คาดไว้ เพราะทีมยังต้องขึ้นๆ ลงๆ อยู่เป็นประจำระหว่างดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 จนในปีค.ศ. 1954 ลิเวอร์พูลต้องลงไปเล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 นานกว่าปกติและก็ยังไม่มีผู้จัดการคนไหนสามารถพาทีมกลับขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ได้สักที จน บิลล์ แชงค์ลี่ย์ เข้ามาคุมทีมได้เพียง 2 ฤดูกาล เขาก็พาทีมขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ในฐานะแชมป์ของดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1962
 
ซึ่งแชงค์ลี่ย์มีปรัชญาการคุมทีมอย่างง่ายๆ คือ ฟุตบอลแบบพื้นๆ แต่เน้นการส่ง และรับบอล อย่างแม่นยำ เล่นกันเป็นทีมมากกว่า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทีมลิเวอร์พูลมาถึงปัจจุบัน ซึ่งบิลล์ แชงค์ลี่ ประกาศวางมือคุมทีมในปี ค.ศ. 1974 รวมระยะเวลาในการคุมทีมลิเวอร์พูลทั้งสิ้น 14 ปี ก่อนที่บ็อบ เพลสลีย์จะรับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อหลังจากนั้น 7 ปี บิลล์ แชงค์ลี่ก็เสียชีวิตลงในวัย 68 ปี 
 
5.เกียรติประวัติของลิเวอร์พูล
 
ภาพจาก bit.ly/30c7ZhX

ลิเวอร์พูลคว้า แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศทั้งหมด 18 ครั้ง แชมป์เอฟเอคัพอีก 7 สมัย ลีกคัพอีก 8 ครั้ง ถ้วยเอฟเอ ชาริตี้ หรือ คอมมูนิตี้ชิลด์ ทั้งหมด 15 ครั้ง และถ้วยที่แฟนบอลของทีมภาคภูมิใจ คือยูโรเปียนคัพหรือยูฟ่าแชมป์เปียนลีกในปัจจุบันโดยลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ถ้วยใบโตนี้ได้มากกว่าทีมไหน ๆ ในเกาะอังกฤษ โดยจัดการคว้ามาได้ทั้งหมด 5 สมัย และถ้วยใบเล็กกว่าอย่างยูฟ่าคัพ ได้มาทั้งหมด 3 ครั้ง และยังสามารถคว้ายูฟ่าซุปเปอร์คัพมาได้ 3 สมัยด้วย
 
และในฤดูกาลล่าสุดนี้ (2018-2019) ลิเวอร์พูลทำสถิติเก็บได้ถึง 97 แต้ม แพ้เพียงแค่ 1 ครั้ง ยิงได้ 89 ลูก เสียประตูเพียงแค่ 22 ลูก แต่ก็ไม่เพียงพอคว้าแชมป์เพราะเป็นแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่คว้าแชมป์ไปด้วยคะแนนรวม 98 แต้ม แต่ก็ถือว่าเป็นรองแชมป์ที่มีแต้มสูงสุดซึ่งทีมที่เคยทำคะแนนสูงกว่าลิเวอร์พูลก็คือแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ในฤดูกาล 2017-2018 สามารถเก็บได้ 100 คะแนน และเป็นแชมป์เช่นเดียวกับฤดูกาลนี้ที่ได้ 98 คะแนนและก็เป็นแชมป์เช่นกัน
 
6.ตำนานของนก Liver Bird
 
ภาพจาก bit.ly/2HpHe0C

แฟนหงษ์แดงที่คนไทยเรียกกันแท้ที่จริงโลโก้นี่คือนก Liver Bird ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง Liverpool สัญลักษณ์นี้ ถูกนำมาใช้ในช่วงแรกๆ โดยพระเจ้าจอห์นโปรดให้เมือง Liverpool ได้ปกครองตนเอง จึงต้องมีตราประทับประจำเมืองเมื่อ 700 ปีก่อน
 
ซึ่งในครั้งนั้นเชื่อว่า พยายามที่จะใช้ นกอินทรี เป็นตราสัญลักษณ์มากกว่า โดยที่ Liver Bird ที่อยู่บน Town Hall ของเมือง สองตัว ตัวนึงหันออกนอกทะเล ตัวนึงหันเข้าเมือง ก็เป็นรูปลักษณ์ที่เป็นนก Cormorant เช่นกัน โดยเชื่อว่า ตัวแรก ต้อนรับทักทายและดูแลชาวเรือ พ่อค้าทางเรือ และผู้มาเยี่ยมเมืองทางเรือ ตัวที่สอง ดูแลชาวเมืองให้สงบสุข เป็นธรรม
 
7. เกมปาฏิหาริย์ของลิเวอร์พูลที่แฟนบอลทั้งโลกต้องจดจำ
 
ภาพจาก bit.ly/2E6w0NK

เริ่มจากปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล ที่ลิเวอร์พูลพบกับเอซีมิลานในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกฤดูกาล 2004-2005 ที่ตอนนั้นครึ่งแรกเอซีมิลานยิงนำห่างไปถึง 3-0 แฟนบอลลิเวอร์พูลต่างถอดใจบางคนปิดโทรทัศน์นอนเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าในครึ่งหลังลิเวอร์พูลค่อยๆกลับสู่เกมยิงไล่มาทีละประตูจนตีเสมอได้ และหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เอาชนะเอซีมิลานในการดวลจุดโทษ คว้าแชมป์สมัยที่ 5 ได้อย่างปาฏิหาริย์
 
หรือจะย้อนไปอีกหน่อยในปี 2016 กับถ้วยใบเล็กอย่างยูโรป้าลีกลิเวอร์พูล พบกับ ดอร์ทมุนด์ เกมแรกเสมอกัน 1-1 นัด 2 ที่ แอนฟิลด์ ดอร์ทมุนด์  บุกมานำ 2-0 สกอร์รวม 3-1 ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะช่วยกันยิงประตูไล่ตีเสมอและนาทีที่ 88 ก็มาพังประตูชัยผ่านเข้ารอบได้อย่างปาฏิหาริย์เช่นกัน
 
และมาถึงเกมที่ผ่านไปไม่นานกับสุดยอดการกลับมาของลิเวอร์พูลในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกรอบรองชนะเลิศที่ลิเวอร์พูล พบกับ บาเซโลน่า ที่มีเมสซี่ดาวเตะอันดับ 1 ของโลก ในนัดแรกลิเวอร์พูลแพ้เละเทะที่บ้านของบาเซโลน่า 3-0 ใครๆก็นึกว่างานนี้บาเซโลน่าสบายตัวในนัดที่ 2 แน่นอน แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในนัดที่ 2 คือ ลิเวอร์พูล ไล่ถล่มบาเซโลน่าขาดลอย 4-0 พลิกเข้ารอบชิงชนะเลิศได้อย่างปาฏิหาริย์และกลายเป็นค่ำคืนสุดแสนพิเศษที่คนจะเก็บไว้ในความทรงจำอีกนานแสนนาน
 
8.ทำไม แมนยู กับ ลิเวอร์พูล ถึงไม่ชอบหน้ากัน


ภาพจาก  bit.ly/2Hog8XF
 
เรียกว่าบางทีก็เกลียดแบบไม่มีสาเหตุแค่บอกว่าเชียร์หงส์แดงก็ต้องเกลียดแมนยู ทั้งที่ในความจริงสองสโมรสรยักษ์ใหญ่นี้ก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าอะไรกันเท่ากับบรรดากองเชียร์หรือบางทีอาจจะแค่กองเชียร์คนไทยที่คิดเรื่องนี้กันไปเอง

แต่ลองมองดูประวัติศาสตร์ก็อาจมีผลเพราะเมื่อกว่า 120 ปีก่อนตอนที่ยังไม่มีทีมฟุตบอลเกิดขึ้น เมืองแมนเชสเตอร์คือเมืองอุตสาหกรรมในขณะที่ลิเวอร์พูลคือเมืองท่า สองเมืองนี้พึ่งพากันดีเพราะแมนเชสเตอร์ไม่มีจุดขนส่งสินค้าออกทางทะเล
 
แต่ในยุค 1870 เศรษฐกิจตกต่ำแมนเชสเตอร์รู้สึกว่าทางเมืองลิเวอร์พูล เก็บค่าผ่านทางทั้งเรือและรถไฟสูงเกินไป คนแมนเชสเตอร์เลยสร้างท่าเรือของตัวเองและเปิดทำการเมื่อปี 1894 การขุดคลองดังกล่าวทำให้เมืองลิเวอร์พูลขายรายได้มหาศาลมีคนตกงาน และอาจเป็นความแค้นระหว่างกันตั้งแต่อดีตกาล
 
แต่ในความจริงเรื่องนี้ก็อาจจะแค่เรื่องเล่าเหตุผลที่แท้จริงน่าจะเกิดจากการขับเคี่ยวกันในทางฟุตบอลโดยทั้งสโมสรแมนเชสเตอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุดในขณะที่ลิเวอร์พูลเองก็ครองแชมป์ดิวิชั่นหนึ่ง (ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก) ได้มากสุดเช่นกัน และยังไม่นับรวมการแย่งกันเป็นแชมป์ในถ้วยสโมสรยุโรปอย่างยูโรเปี้ยนคัพก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกในปัจจุบัน
 
9.You"ll never walk alone เพลงที่คอลัมนิสต์ดูถูกว่าเจ๊งแน่ๆ


ภาพจาก bit.ly/2JipdVo
 
กลายเป็นสโลแกนของลิเวอร์พูลที่คอบอลทั่วโลกจำขึ้นใจสำหรับ you"ll never walk alone ที่เป็นเพลงของ เจอร์รี่ มาสเดนสส์ ที่แต่งขึ้นในปี 1963 โดยเจอร์รี่เป็นชาวเมอร์ซี่ไซด์ก่อนที่เขา จะออกเทปชุดนี้ มานั้น บรรดาโปรดิวเซอร์ทั้งหลาย บรรดาคอลัมนิสต์ทั้งหลาย ก็บอก กับเขาว่า เพลงชุดนี้เจ๊งแน่ๆ แต่เมื่อเพลง You"ll never walk alone ออกสู่ตลาดปรากฏว่าสโมสรลิเวอร์พูล ทำการ ขอซื้อลิขสิทธิ์ เพลงนั้นทันที ในปี 1963 เอง
 
แทบไม่น่าจะเชื่อว่า เพลงนี้ ที่ทุกโปรดิวเซอร์ บอกว่าเจ๊งแน่ๆ กลับดังมากจนเป็นที่ฮิตติดหูในถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์ และชาวอังกฤษ ความแรงของเพลงนี้ยังไม่หมดเท่านี้ เพลง you"ll never walk alone ยังสามารถติด 1 ใน 10 ของสหราชอาณาจักร( U.K.)

และทุกวันนี้ you"ll never walk alone กลายเป็นเพลงที่แฟนบอลลิเวอร์พูลต้องร่วมกันร้องก่อนเริ่มเกมแข่งขัน รวมถึงในช่วงเวลาที่ทีมต้องการผลชัยชนะ หรือแม้กระทั่งในยามที่ทีมพ่ายแพ้ เพลง you"ll never walk alone ก็ยังคงกระฮึ่มไปทั่วทั้งสนาม กลายเป็นสุดยอดกองเชียร์และเป็นมนต์เสน่ห์แห่งสนามแอนด์ฟิลที่คู่แข่งต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับแรงกดดันนี้ให้ดี
 
10.ลิเวอร์พูลเคยเดินทางมาแข่งฟุตบอลที่เมืองไทย 6 ครั้ง
 
ภาพจาก bit.ly/30hzTsA

ลิเวอร์พูล เคยเดินมาแข่งขันในประเทศไทยแล้วทั้งหมด 6 ครั้ง โดยเป็นการแข่งขันนัดพิเศษกับทีมชาติไทย ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1983 โดยลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-0, ครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2001 ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 3-1, ครั้งที่สามเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2003 ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 3-1, ครั้งที่สี่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2009 โดยครั้งนี้เสมอกันไป 1-1, ครั้งที่ห้าเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2013 ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 3-0

และครั้งสุดท้ายนับเป็นครั้งที่ 6 ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยครั้งนี้เป็นการแข่งขัดกับทรูออลสตาร์ ซึ่งเป็นการรวมผู้เล่นเด่น ๆ ในไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 4-0  สรุปสถิติทั้งหมด ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเอาชนะไทยไปได้ทั้งหมด 5 นัด และเสมอ 1 นัด โดยยังไม่เคยแพ้เลย
 
แม้บทสรุปพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-2019 จะไม่ถูกใจแฟนหงส์แดงทั่วโลก แต่ก็เชื่อว่าทุกคนภูมิใจและพอใจกับสิ่งที่ Liverpool แสดงคาแรคเตอร์ของทีมที่พัฒนาได้อย่างสุดโต่งและขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับแมนเชสเตอร์ซิตี้ตั้งแต่เริ่มฤดูกาลจนถึงนัดสุดท้าย เจอร์เก้น คล็อป ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลมองว่านี่ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของทีมที่จะก้าวไปเป็นแชมป์ในฤดูกาลหน้า
 
สิ่งที่เจอร์เก้น คล็อป กล่าวคือวันนี้เรายังทำไม่สำเร็จ ก็แค่พยายามทำมันให้สำเร็จให้ได้ อย่างไรก็ดีในฤดูกาลนี้ Liverpool ยังมีอีก 1 แชมป์ให้ไล่ล่าคือ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก นัดชิงชนะเลิศที่จะเจอกับสเปอร์ในวันที่ 1 มิถุนายน 2562 เชื่อได้เลยว่าจะเป็นอีกนัดที่ Liverpool แสดงศักยภาพในการเล่นฟุตบอลแบบใจเกินร้อย มีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้งเพื่อคว้าแชมป์เจ้ายุโรปสมัยที่ 6 ให้จงได้ และบรรดากองเชียร์ Liverpool ในค่ำคืนดังกล่าวพร้อมจะร้องเพลงเชียร์ทีมรัก you"ll never walk alone ให้กระฮึ่มโลกอีกครั้ง
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Jf8ph8
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
799
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
715
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
642
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
532
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
447
เจ้าของธุรกิจกุมขมับ! วิกฤตเด็กไทยเกิดน้อยกระทบธ..
433
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด