บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.1K
2 นาที
23 พฤษภาคม 2565
“องุ่น” น้ำมันพืชรายได้กว่า “หมื่นล้าน” ธุรกิจที่เริ่มจากหนี้หลักล้าน
 

ในตลาดน้ำมันพืชมูลค่ากว่า 20,000 ล้าน และถือเป็นสินค้าที่มีความสำคัญมาก นอกจากความต้องการของแต่ละครัวเรือนยังเป็นสินค้าที่ใช้จำนวนมากในภาคธุรกิจด้านอาหาร ซึ่งน้ำมันพืชในเมืองไทยมีหลายประเภททั้งน้ำมันปาล์ม , น้ำมันรำข้าว และน้ำมันถั่วเหลือง

www.ThaiFranchiseCenter.com เชื่อว่าถ้าพูดถึงน้ำมันถั่วเหลืองเราต้องรู้จัก “องุ่น” ที่มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 59% ซึ่งถือว่าสูงมาก ทั้งนี้ “องุ่น” เป็นน้ำมันพืชผลิตโดยบริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ที่ได้มีการจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 26,280 ล้านบาท จึงถือได้ว่าเป็นอีกธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับประเทศที่ขยายสินค้าไปยังต่างประเทศด้วย แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน รวมถึงการเคยเป็นหนี้ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกๆ 
 
เสือผืนหมอนใบ จากเมืองจืน เริ่มสร้างธุรกิจในเมืองไทย

ภาพจาก https://bit.ly/3wIm5IX

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ “องุ่น” ย้อนไปในยุคของคุณโปสือ และคุณบั๊กเซี้ยม แซ่เตียว (วิทยฐานกรณ์) สองสามีภรรยา ที่เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย และอาศัยอยู่แถวตลาดพลู เริ่มต้นธุรกิจโรงงานกรอด้ายและโรงสีขนาดเล็ก จุดเปลี่ยนที่แท้จริงเริ่มต้นในปี 2510 ที่คุณโปสือร่วมทุนกับเพื่อนๆ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันรำข้าว มียอดการผลิตวันละ 50 ตัน แต่โลกของธุรกิจไม่สวยงามอย่างที่คิด ผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดหวัง ส่งผลให้ผู้ร่วมหุ้นทยอยถอนตัวออกไปจำนวนมาก
 
แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้และมีสายเลือดนักสู้คุณโปสือซื้อหุ้นจากเพื่อนๆที่ถอนตัว และบริหารงานเองทั้งหมด โดยคุณโปสือและคุณบั๊กเซี้ยม มีลูกด้วยกันทั้งหมด 8 คน และได้ช่วยกันทำธุรกิจของตระกูลวิทยฐานกรณ์ และเริ่มเห็นผลชัดเจน มีผลประกอบการที่ดีขึ้น จนสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 200 ตัน/วัน
 
ในปี 2528 ได้เริ่มก่อตั้งบริษัท น้ำมันพืชไทย เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชบริโภคจากถั่วเหลือง ภายใต้แบรนด์ “องุ่น” และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ด้วยกำลังการผลิต 400 ตันเมล็ดถั่วเหลือง/วัน และในปี 2533 บริษัท น้ำมันพืชไทย ได้ซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันนครชัยศรีขยายกำลังการผลิตเป็น 800 ตัน/วัน
 
ปัจจุบัน บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) มีกำลังการผลิตกว่า 6,500 ตัน /วัน โดยผลิตและจําหน่ายสินค้าสองประเภทหลัก ๆ คือ น้ำมันพืชบริโภค และวัตถุดิบอาหารสัตว์
 
ชีวิตที่อยากลองทำธุรกิจเอง แต่ทำให้กลายเป็นหนี้
 
ภาพจาก https://bit.ly/3lCD621

คุณวิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ ในฐานะลูกชายในบรรดาพี่น้อง 8 คนที่พ่อแม่คาดหวังให้สานต่อธุรกิจแต่ด้วยความที่คิดอยากทำธุรกิจของตัวเอง ครั้งหนึ่งคุณวิสุทธิจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจส่วนตัว เริ่มตั้งแต่ร้านอาหาร , โรงหล่อทองเหลือง ,ร้านขายของเก่า แต่ปัญหาสำคัญคือแทนที่จะมีกำไรกลับกลายเป็นการสร้างหนี้หลายล้านบาทขึ้นมาแทน ถึงขนาดที่เจ้าหนี้ต้องตามมาทวงอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากที่ได้พี่ๆน้องๆ ร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา คุณวิสุทธิ ก็ได้กลับเข้าสานต่อธุรกิจน้ำมันพืช พร้อมนำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาปรับใช้กับการทำธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น
 
ทำไมต้องใช้ชื่อว่า “องุ่น”
 

ภาพจาก https://bit.ly/3MDQXAR

หลายคนสงสัยว่า “องุ่น” เป็นน้ำมันพืชแต่ทำไมตั้งชื่อที่ดูไม่สื่อให้เห็นภาพหรือเกี่ยวข้องกับวัตถุดิบที่ใช้ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับถั่วเหลืองแม้แต่น้อย ซึ่งเรื่องนี้เจ้าของแบรนด์กล่าวว่า “ชื่อองุ่น ซึ่งอาจดูไม่เข้ากับตัวผลิตภัณฑ์เท่าไร แต่คำว่า องุ่น ในภาษาจีน มีความหมายว่า สิ่งที่มีคนอุ้มชู จึงเป็นชื่อมงคลไปในตัว”
 
หลังจากแบรนด์องุ่น เข้าไปตีตลาดน้ำมันถั่วเหลืองได้ไม่นาน ด้วยจุดเด่นในเรื่องของ สูตรถั่วเหลือง 100% ไม่ใช่น้ำมันพืชแบบผสม เหมือนของคู่แข่งในสมัยนั้น ทำให้แบรนด์สามารถขยายตลาด และแย่งส่วนแบ่งการตลาดมาได้อย่างรวดเร็ว จนขึ้นเป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ของตลาดได้ 
 
รายได้ไม่ธรรมดา สูงกว่า 20,000 ล้านบาท
 

ภาพจาก https://bit.ly/3wIm5IX

บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ไม่ได้มีรายได้เฉพาะการขายน้ำมันถั่วเหลืองเท่านั้น ในความเป็นจริงรายได้หลักคือการขายกากถั่วเหลืองที่ได้จากการผลิตน้ำมันพืช โดยรายได้จากการขายน้ำมันพืชคิดเป็น 30% ของรายได้รวมขณะที่รายได้จากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ หรือกากถั่วเหลือง คิดเป็นสัดส่วนกว่า 64% ของรายได้รวม
 
ภาพรวมรายได้ของบริษัทในปี 2563 มีรายได้ 25,046 ล้านบาท กำไร 1,656 ล้านบาท โดยรายได้กว่า 91% เป็นรายได้จากในประเทศ และอีก 9% เป็นรายได้จากต่างประเทศ โรงงานของน้ำมันพืชไทย ผลิตน้ำมันพืชไม่ต่ำกว่า 420,000 ขวดต่อวัน ซึ่งนอกจากในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วย ผ่านการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภายในประเทศ คิดเป็น 91%และรายได้จากนอกประเทศ คิดเป็น 9%
 

ภาพจาก https://bit.ly/3wIm5IX
 
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเช่น น้ำมันข้าวโพด ,น้ำมันทานตะวัน, น้ำมันคาโนลา ตราองุ่น , น้ำมันมะกอกธรรมชาติ, น้ำมันมะกอกผ่านกรรมวิธี ตราโมนินี่ , กากถั่วเหลือง “ทีวีโอ ไฮโพรมีล” ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตอาหารสัตว์ เช่น สุกร, ไก่ เป็นต้น
 
จะเห็นได้ว่าเบื้องหลังของความสำเร็จในธุรกิจไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่สิ่งที่น่าสนใจคือการสอนให้ลูกหลานได้รู้จักการค้าขาย การทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของคนจีน ที่ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จได้ ในฐานะคนที่อยากมีอาชีพ อยากมีธุรกิจจึงควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติเหล่านี้นำไปปรับใช้ในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจให้กับตัวเองได้ในอนาคต
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
425
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด