บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.1K
2 นาที
26 มกราคม 2566
Fear of Missing Out (FOMO) VS Joy of Missing out (JOMO)
 

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้กระแสโซเชี่ยลมีอิทธิพลกับเราอย่างมาก และทำให้โทรศัพท์มือถือแทบไม่ต่างจากปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต ด้วยรูปแบบวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนี้ทำให้คนทำธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับกระแสโลกยุคใหม่

อย่างไรก็ดี www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าเหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ ในด้านหนึ่งโซเชี่ยลกลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตที่คนต้องติดตามข่าวแบบขาดไม่ได้เรียกว่า Fear of Missing Out (FOMO) ในอีกมุมหนึ่งมีคนที่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากสนใจโซเชี่ยลเรียกว่า Joy of Missing out (JOMO) และคนทั้ง 2 กลุ่มนี้จะมีอิทธิพลต่อโลกโซเชี่ยลอย่างไร และในด้านการทำธุรกิจจะสามารถปรับจูนตัวเองอย่างไรให้ดึงลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
Fear of Missing Out (FOMO)
 

เป็นพฤติกรรมของคนที่กลัวจะตกกระแส กลัวพลาดข่าวสารที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญในสื่อโซเชียล โดยปกติคนที่มีลักษณะแบบ FOMO มักจะติดโทรศัพท์มือถือเพราะต้องคอยเช็คข่าวสารตลอดเวลา และชอบอัพเดตชีวิตตัวเองผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ
 
การมีพฤติกรรมแบบ FOMO ก็มีข้อดีที่ทำให้เราสามารถสร้างแรงจูงใจจากสิ่งที่พบเห็นในโซเชี่ยลได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการติดตามเหล่าคนดังในแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้พฤติกรรมแบบ FOMO ยังทำให้เราก้าวทันโลกตามยุคสมัย ไม่มีคำว่าตกเทรนด์ สามารถอัพเดทความรู้และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ นำมาซึ่งการวางแผนแก้ไขปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย ในแง่ของธุรกิจก็อาจทำให้มีวิสัยทัศน์ในการจับกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
Joy of Missing out (JOMO)
 

เป็นขั้วตรงข้ามกับ FOMO อย่างสิ้นเชิง คนกลุ่มนี้จะมีความสุขโดยไม่ต้องใช้ชีวิตเกาะติดกระแสสังคม จึงมักจะไม่ค่อยเล่นโซเชียลมีเดีย แต่ใช้เวลาไปกับกิจกรรมรอบตัว เช่น การออกไปเที่ยว อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น ข้อดีของคนที่มีพฤติกรรมแบบ JOMO ที่ถอยห่างจากโซเชี่ยลทำให้มีเวลาเพื่อตัวเองและครอบครัวมากขึ้น ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวได้มากขึ้นเช่น ท่องเที่ยว ทำอาหาร สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ดีกว่าการสนใจแต่โทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้คนที่มีพฤติกรรมแบบ JOMO ยังมีสมาธิที่ดีมากขึ้นเพราะไม่ต้องกังวลกับข่าวสารที่ตัวเองไม่อยากสนใจ
 
วิธีการสร้างลูกค้าให้ธุรกิจสำหรับกลุ่ม FOMO และ JOMO
 

ในแง่ของความแตกต่างทั้ง FOMO และ JOMO นั้นชัดเจนมาก แม้ FOMO จะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่มีอิทธิพลในด้านกำลังซื้อแต่ในช่วงที่ผ่านมา JOMO ก็เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางมาก มีการอ้างอิงถึง JOMO ใน Instagram จำนวน 80,000 กว่าครั้ง และเว็บไซต์ต่างๆ ก็เริ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเริ่มชะลอการใช้งานโซเชียลมีเดียลง แม้จะไม่ได้กำจัดออกไปจากชีวิตอย่างถาวร แต่ก็ทำให้มองเห็นภาพว่ามีคนบางส่วนเริ่มตระหนักได้ถึงด้านมืดของการเสพติดโซเชียลมีเดียแล้ว
 
ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ยินคำว่า Fomo Marketing ที่เน้นเจาะกลุ่มคนเสพติดโซเชี่ยลโดยจะเน้นการทำคอนเทนต์ดึงดูดคนกลุ่มนี้เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ตกยุค ทันสมัย หรือได้สิ่งที่แปลกใหม่ก่อนใครอื่น กลยุทธ์นี้ถูกนำมาใช้กับกลุ่มลูกค้าใน ธุรกิจโรงแรม เสื้อผ้า สินค้า Rare item ผ่านข้อความการแจ้งเตือนที่แสดงให้แก่ผู้คนที่สนใจว่าขณะนี้มีคนกำลังจองห้องนี้อยู่ สินค้ามีจำนวนจำกัด หรือผลไม้มีเพียงฤดูกาลนี้เท่านั้น ถ้าอยากกินต้องรอไปอีกหนึ่งปี เป็นต้น
 
 
และแน่นอนว่า JOMO Marketing ก็สามารถนำมาใช้ในแง่ของการตลาดได้เช่นกันหากจะแตกต่างในแง่ของการนำเสนอเนื้อหาดึงดูดลูกค้าค้าที่ไม่เน้นความหวือหวา แต่เน้นความเป็นส่วนตัว สบายใจ เป็นไลฟ์สไตล์ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนจำนวนมาก มักใช้กับธุรกิจที่พักและโรงแรมที่เน้นบรรยากาศที่พักแบบส่วนตัว หรือเป็นที่พักเน้นความเป็นธรรมชาติ หรือแม้แต่ในเรื่องของสินค้าก็ต้องเน้นเนื้อหาตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัว จึงเหมาะกับคอร์สท่องเที่ยว หรือคอร์สเพื่อสุขภาพแบบ Private เป็นต้น
 
โดยภาพรวมกระแสของโซเชี่ยลอาจเป็นตัวแปรในด้านธุรกิจมาก แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีกลุ่มลูกค้าที่อาจมองขั้วตรงข้าม การนำกลยุทธ์ใดๆ มาปรับใช้จึงต้องให้เหมาะสมอย่ามากเกินไปหรือน้อยเกินไป พิจารณาตามจังหวะและกระแสของสังคมเป็นหลักจะช่วยทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3Qrz3nH , https://bit.ly/3vPvJcs , https://bit.ly/3GPQH1h 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
422
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด