บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเงิน บัญชี ภาษี การลงทุน    ความรู้ทั่วไปทางการเงิน
1.1K
3 นาที
5 เมษายน 2567
สำรวจคนไทยติดหรู ใช้เงินเกินตัว สร้างหนี้รอบด้าน รายได้ปริ่มน้ำ
 

"หนี้ครัวเรือน" เป็นคำที่เราได้ยินติดหูมาอย่างต่อเนื่อง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมินสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ 91.4% หรือประมาณ 16.9 ล้านล้านบาท ขณะที่หนี้บัตรเครดิต ลิสซิ่ง และหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล คาดว่าจะโตเร็วที่สุดในรอบทศวรรษ   
 
คนไทยติดหรู เป็นหนี้อะไรบ้าง
 
จากการสำรวจพฤติกรรมของคนไทยที่เป็นหนี้ ส่วนใหญ่มาจากการเป็นคนชอบติดหรู ติดเทรนด์ ติดกระแส ชอบความสะดวกสบาย ใช้เงินเกินตัว โดยคนไทยวัยทำงานอายุ 25-29 ปี มากกว่า 58% เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ ทำงานไม่ถึงปีใช้บัตรเครดิตใช้จ่าย กินเที่ยวจนเต็มวงเงิน ต้องจ่ายหนี้ขั้นต่ำจนพอกพูน กลายเป็นหนี้เสียตามมา
 
มาดูกันว่ามูลค่า สัดส่วน และอัตราการขยายตัวของหนี้สินครัวเรือน ปี 2566 จำแนกตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน ดังนี้ 
  1. สินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 5.5 ล้านล้านบาท สัดส่วน 33.8% ของหนี้ครัวเรือน
  2. สินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจ มูลค่า 2.9 ล้านล้านบาท สัดส่วน 17.8% ของหนี้ครัวเรือน
  3. สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล มูลค่า 4.4 ล้านล้านบาท สัดส่วน 27.3% ของหนี้ครัวเรือน โดยหนี้ส่วนบุคคลแบ่งเป็น
    • สินเชื่อส่วนบุคคล 3.1 ล้านล้านบาท สัดส่วน 19.3% ของหนี้ครัวเรือน
    • สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ,สินเชื่อบัตรกดเงินสด) มูลค่ารวม 8 แสนล้านบาท คิดเป็น 5.1% ของหนี้ครัวเรือน
    • สินเชื่อบัตรเครดิตมูลค่ารวม 5 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของหนี้ครัวเรือน  
คนไทยใช้จ่ายในครัวเรือนเฉลี่ย 1.8 หมื่นบาท
 

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ รายงานค่าใช้จ่ายครัวเรือนไทยเดือนธันวาคม 2566 พบว่า ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเฉลี่ย 17,984 บาท สัดส่วนการใช้จ่ายยังเป็นสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  58.21% ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 41.79% 
 
แบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็นหมวดสินค้า ได้แก่ 
  • ค่าใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะ ซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ เฉลี่ย 4,110  บาท 
  • ค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน 3,989 บาท
  • ค่าอาหารบริโภคในบ้าน เดลิเวอรี่ 1,650 บาท
  • เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ สัตว์น้ำ 1,647บาท ท 
  • อาหารบริโภคนอกบ้าน 1,259 บาท 
  • ผักและผลไม้ 1,005 บาท 
  • ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าบริการส่วนบุคคล 987  บาท  
  • ค่าหนังสือ ค่าสันทนาการ ค่าเล่าเรียนและการกุศลต่างๆ 765 บาท 
  • ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง 707  บาท
  • เครื่องปรุงอาหาร 430 บาท 
  • ไข่และผลิตภัณฑ์นม 412 บาท 
  • เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ,ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า 375 บาท
  • ค่าบุหรี่ ค่าเหล้า ค่าเบียร์ 243 บาท   
คนไทยขาดเงินออม เป็นหนี้สูงกว่ารายได้
 

ครัวเรือนไทยกว่า 62% มีเงินออมไม่เพียงพอไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพราะเป็นหนี้บัตรเครดิตและหนี้ส่วนบุคคลสูงกว่ารายได้ 20-25 เท่า แต่ละเดือนต้องจ่ายหนี้เกินครึ่งของรายได้ ทำให้มีเงินไม่พอใช้ คนเป็นหนี้ส่วนใหญ่จะผ่อนชำระขั้นต่ำไปยาวๆ ทำให้คนอายุเกิน 60 ปี ยังมีภาระผ่อนชำระหนี้เฉลี่ยกว่า 415,000 บาทต่อคน
 
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เผยผลสำรวจพบว่า
  1. กลุ่มคนรายได้น้อยยังมีปัญหารายไม่พอจ่าย มีแนวโน้มเผชิญปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้น เฉพาะกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่มีปัญหารายได้ไม่พอจ่ายสัดส่วนสูงถึง 73% โดยคนกลุ่มนี้เกือบ 70% มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด และมีแนวโน้มต้องกู้มากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้นอกระบบ
     
  2. กลุ่มคนรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่ประสบปัญหาค้างชำระหนี้ เป็นเพราะรายได้ลดลง ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสูงขึ้น ที่สำคัญเวลาจ่ายชำระหนี้มักจ่ายขั้นต่ำ จ่ายไม่เต็มจำนวน หรือผิดนัดชำระหนี้เป็นบางครั้ง
“ก่อหนี้” ตามรอยอินฟลูเอนเซอร์ 
 

สภาพัฒน์ฯ รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงอยากให้รัฐบาลออกกฎควบคุมดูแล คือ การนำเสนอคอนเทนต์ของบรรดาเหล่าคนดังในโลกออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่า “อินฟลูเอนเซอร์” ส่วนใหญ่มักเผยแพร่เนื้อหาลักษณะของการอวดร่ำอวดรวย ตลอดจนการใช้ชีวิตหรู กินอยู่สบาย อวดสินค้าแบรนด์เนม การใช้ชีวิตประจำวันตามเทรนด์การชื่อชอบของคน Gen Z ถือเป็นการสร้างค่านิยมแบบผิดๆ ต่อสังคมไทย กระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น อาจนำไปสู่การก่อหนี้เพื่อนำเงินมาซื้อสินค้าและบริการดังกล่าว อดข้าวไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ 
 
การนำเสนอคอนเทนต์ "อวดรวย" ของอินฟลูเอนเซอร์ เป็น 1 ในสาเหตุสำคัญของปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย ที่อยู่ในระดับสูงถึง 90.9% ของจีดีพี สภาพัฒน์ฯ ยังพบว่าคุณภาพสินเชื่อด้อยลงทุกประเภท โดยเฉพาะสินเชื่อยานยนต์ ผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น พบว่าในปี 2566 สถิติการยึดรถยนต์เพิ่มขึ้นถึง 25,000 - 30,000 คันต่อเดือน
 
สาเหตุทำคนไทยเป็นหนี้
 
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้คนไทยเป็นหนี้ นอกเหนือจากสภาพทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม โอกาสทางการศึกษา ที่มีผลต่อการทำงานและรายได้แล้ว คนไทยยังเป็นหนี้มาจากสิ่งเหล่านี้... 
  • คนไทยเห็นของลดราคาไม่ได้ หรือสินค้าที่เป็นกระแส อยากซื้อขึ้นมาทันที ทำให้สิ้นเปลืองไปกับการซื้อของ ไม่มีเงินเก็บ ยิ่งใช้บัตรเครดิตหลายใบยิ่งเป็นหนี้บาน
  • คนไทยหลายคนไม่มีความรู้เรื่องการเงิน บางคนคิดว่าจ่ายหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำของหยอดหนี้ไม่ได้เป็นเรื่องแย่ 
  • ติดปาร์ตี้ กินหรู อยู่สบาย ว่างเมื่อไหร่ไปคาเฟ่ ร้านอาหารแพงๆ เพื่อถ่ายภาพลงโซเชียล
  • ชอบผ่อน 0% ไม่ประเมินรายได้และรายจ่ายของตัวเอง ขาดวินัยในการผ่อนชำระตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้มีหนี้สะสม
  • อยากรวยทางลัด ติดหนี้เพราะการพนัน เล่นหวยทุกงวด ที่เห็นเป็นข่าวในปัจจุบันทั้งดารา คนวงการบันเทิง ประชาชนทั่วไป เป็นหนี้ส่วนหนึ่งมาจากการเล่นการพนัน โดยเฉพาะพนันออนไลน์ มีทั้งหวย สล็อต เรียกได้ว่าเล่นเป็นเกือบทุกคน เพราะเข้าถึงได้ง่าย เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา สุดท้ายเป็นหนี้ท่วมหัว
วิธีแก้ปัญหาหนี้เยอะ 
  • สำรวจรายรับ-รายจ่าย บันทึกการเงินในแต่ละเดือนว่าแต่ละเดือนมีรายรับเท่าไหร่ รายจ่ายเท่าไหร่ จะรู้ว่าต้องบริหารจัดการอย่างไร 
  • ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น อย่าใช้ชีวิตติดหรู เช่น กินร้านอาหารแพงๆ ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
  • จัดลำดับการจ่ายหนี้ ให้จ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน ไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด 
  • หารายได้เสริม เพื่อจะได้นำมาจ่ายหนี้เพิ่มให้เหมดเร็วๆ ที่สำคัญจะได้หมุนเงินได้คล่อง
  • รวมหนี้ หากมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินจากการชำระหนี้ หรือผ่อนชำระหนี้มากไป การรวมหนี้สามารถปิดหนี้ดอกเบี้ยสูงให้หมดไวได้ โดยการนำหนี้สินทั้งหมดรวมกัน ทั้งดอกเบี้ยสูงรวมกัน โดยธนาคารมีสินเชื่อด้านนี้โดยตรง
สรุปก็คือ สาเหตุที่ทำให้คนไทยเป็นหนี้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจและระดับรายได้ของประชาชนฟื้นช้า ต้นทุนทางการเงินสูงกว่าในอดีต และพฤติกรรมการก่อหนี้โดยขาดวินัยทางการเงินของคนไทย ซึ่งหากเศรษฐกิจฐานรากยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึงและแข็งแกร่ง ความสามารถในการจ่ายหนี้ของลูกหนี้ อาจยังไม่กลับมาเป็นปกติ
 
อ้างอิงข้อมูล

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
605
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
496
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
475
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
418
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
406
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
405
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด