บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การขาย
262
2 นาที
8 สิงหาคม 2567
Triple-Code วิธีตั้งราคาทำให้ขายดีเพิ่มถึง 30%

 
การทำธุรกิจใดๆ ก็ตามย่อมคาดหวังเรื่อง “ยอดขาย” ในปัจจุบันที่ค่าครองชีพแพงทุกอย่าง สวนทางกับรายได้ที่เท่าเดิมหรือน้อยลง การตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการก็ย่อมจะยากมากขึ้นด้วย
 
เราเห็นพ่อค้าแม่ค้าบ่นกันทุกที่ว่าตอนนี้ขายของได้น้อยลง คนไม่ค่อยจับจ่าย คนที่ลงทุนเป็นร้านขนาดใหญ่ก็บอกว่าลูกค้าน้อยลง แนะนำกันไปถึงขนาดว่าใครที่จะเริ่มสร้างธุรกิจตอนนี้ต้องคิดให้ดี เนื่องจากกำลังซื้อที่หายไปเยอะมาก หากจะทำธุรกิจจริงๆต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและควรเป็นเงินทุนของตัวเอง เผื่อไม่เป็นไปตามเป้าจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร
 
แต่เมื่อเจอปัญหาแบบนี้ก็ต้องหาวิธีแก้ไขหนักให้เป็นเบา กลยุทธ์การตลาดหลายด้านถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขาย ไม่ว่าจะโปรโมชันหรือการตลาดออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น
 
ทีนี้ลองไปดูอีกหนึ่งทฤษฏีที่น่าสนใจเขาเรียกว่า Triple-Code Model เป็นหลักการทางจิตวิทยาที่บอกว่า มนุษย์เรามีวิธีการรับรู้และประมวลผลตัวเลข อธิบายง่ายๆ คือหลักการนี้เขานำมาใช้ในการ “ตั้งราคา” ที่ทำให้คนซื้อรู้สึกว่า คุ้มค่า ราคาไม่แพง และอยากจ่ายเงินซื้อ
 
 
หลักการเบื้องต้นของ Triple-Code Model มีอยู่ 3 รูปแบบคือ
  1. Arabic Code การรับรู้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ เช่น 1, 2, 3, 4 ,5 ….
  2. Verbal Code การรับรู้ตัวเลขเป็นคำพูดเช่น หนึ่ง, สอง, สาม, สี่ , ห้า …..
  3. Analog Magnitude Code การรับรู้ตัวเลขเป็นปริมาณ เช่น “2 มากกว่า 1” หรือ “1 น้อยกว่า 2”
ความน่าสนใจของหลักการนี้คือโอกาสในการเพิ่มยอดขายได้มากถึง 30% เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเป็นหลักการที่นำไปใช้ในการตั้งราคาที่เป็นเหมือนการ “หลอกสมอง” ทำให้คนซื้อพึงพอใจและรู้สึกว่าสินค้าคุ้มค่า ราคาไม่แพง ซึ่งมีการนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายวิธีเช่น

  • การจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 (ใช้หลักการของ Analog Magnitude Code) ใช้ประโยชน์จากสมองที่รับรู้ตัวเลขเป็นปริมาณ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าดีลนี้คุ้มค่า
  • การตั้งราคาให้อ่านและคิดตามได้ง่าย (ใช้หลักการของ Verbal Code) เช่น ร้านทุกอย่าง 20 ที่คนอ่านจะเข้าใจและคิดตามได้ทันทีว่าถ้าซื้อ 2 ชิ้นก็ ราคา 40 บาท ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจ ดีกว่าการตั้งราคาที่ทำให้คนอ่านคิดตามยาก การตัดสินใจก็จะยากตามไปด้วย
  • การตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9 (ใช้หลักการของ Arabic Code) เพราะคนเราจะประมวลผลตัวเลขจาก ซ้าย-ไป-ขวา การกำหนดราคาให้ลงท้ายด้วยเลข 9 ก็เพื่อดึงตัวเลขหน่วยข้างหน้าให้ต่ำลง เช่น กระเพราจานละ 49 บาท , ชานมไข่มุกแก้วละ 19 บาท แม้เป็นตัวเลขแค่หน่วยเดียวแต่มีผลต่อความรู้สึกของลูกค้ามาก

อย่างไรก็ดีกลยุทธ์ในการตั้งราคานั้นมีหลากหลายขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจเป็นผู้กำหนดก็ต้องดูปัจจัยแวดล้อมหลายด้านมาประกอบกันเช่น
  • Customer Value–Based Pricing กลยุทธ์การตั้งราคา โดยใช้ ‘มุมมองของลูกค้า’ เป็นฐาน โดยพิจารณาจาก การรับรู้ถึงคุณค่าในสินค้าหรือบริการของลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญในการตั้งราคา
  • Cost-Based Pricing กลยุทธ์การตั้งราคา โดยใช้ ‘ต้นทุน’ เป็นฐาน โดยพิจารณาจาก ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การจัดจำหน่าย และการขาย นำมาบวกเพิ่มกับอัตราผลตอบแทนหรือกำไรที่ต้องการในจำนวนที่สามารถครอบคลุมการทำงานและความเสี่ยงต่างๆ ของบริษัทได้
  • Competition-Based Pricing กลยุทธ์การตั้งราคา โดยใช้ ‘การแข่งขัน’ เป็นฐาน โดยพิจารณาจาก กลยุทธ์ ต้นทุน ราคา และข้อเสนอของคู่แข่ง

ในโลกของธุรกิจการแข่งขันมีสูง และมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่หากธุรกิจไม่คิดให้รอบคอบไม่วางแผนในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสที่จะถูกแชร์ส่วนแบ่งการตลาดก็เป็นไปได้มาก ยิ่งถูกแชร์มาก รายได้ก็ยิ่งน้อย เมื่อรายได้น้อยก็ไปสัมพันธ์กับต้นทุนที่จะแบกรับไม่ไหว ดังจะเห็นได้จากการปิดตัวของหลายธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนภาพของโลกธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างชัดเจนที่สุด
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แค่ใส่ใจ ใช้ให้เป็น Data-Driven Marketing อาวุธล..
2,359
ผู้กำกับ งานหด...สู่ครีเอเตอร์ TikTok ปั้นคอนเทน..
2,186
เศรษฐกิจไร้สัญญาณฟื้น! ทุบธุรกิจไทย เจ๊งแล้ว เจ๊..
1,251
จ่ายเท่าไหร่ ถ้านำสินค้าเข้าไปขายใน 7-Eleven
923
ร้านอาหารไทย หมดแรง กำลังซื้อหด ต้นทุนสูง ปิดตัว..
904
พลิกโฉม! 5 เทคนิค ทำธุรกิจแนวญี่ปุ่น ไม่เคยบอกใคร
850
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด