บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
267
2 นาที
13 สิงหาคม 2567
หลังบ้านทรงพลัง ตั้ง FIFO แบบ 7-Eleven
 

ความสำเร็จของร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven มีหลายกลยุทธ์ที่นำมาปรับใช้กับธุรกิจของเราได้โดยเฉพาะในแง่ของการบริหารจัดการวัตถุดิบและการจัดผังร้านที่ดูจะเป็นจุดเด่นมากที่สุด
 
สังเกตว่าเวลาเดินเข้า 7-Eleven นั่นเราหาสินค้าที่ต้องการได้ไม่ยาก
 
เป็นวิธีการจัดผังร้านแบบ “Grid” ที่มีลักษณะการจัดวางที่เป็นแบบล็อกๆ และเดินเชื่อมต่อถึงกันได้หมด และหากสังเกตให้ลึกลงไปอีกจะพบว่า 7-Eleven ทุกสาขา จะวางตู้น้ำดื่มซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง ไว้บริเวณข้างในสุด
 
ก่อนที่ลูกค้าจะเดินเข้าไปถึงด้านในก็ต้องผ่านสินค้าอื่นๆที่จัดเรียงไว้เป็นหมวดหมู่ เพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้นด้วย
 
 
อย่างไรก็ดีเคล็ดลับในการบริหารจัดการของ 7-Eleven ไม่ได้มีแค่นั้น อีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจมาก คือ “First In First Out” หรือ FIFO ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้จัดการด้านวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักการของแนวคิดนี้ก็ง่ายๆ คือ “เข้าก่อน ออกก่อน” สินค้าล็อตไหน ที่ได้สั่งซื้อเข้ามาก่อน ให้นำออกไปจำหน่ายก่อน เห็นภาพชัดเจนที่สุดคือ “ตู้แช่เครื่องดื่ม” 
 
ใน 7-Eleven ทุกครั้งที่มีลูกค้าหยิบเอาสินค้าออกไป สินค้าตัวใหม่ก็จะเลื่อนมาแทนที่  โดยวิธีการนี้ออกแบบให้พนักงานคอยเติมสินค้าใหม่อยู่ด้านหลังตู้อย่างต่อเนื่อง

 
ถามว่าวิธีนี้มีข้อดีอย่างไร?
  1. ทำให้บริการจัดการสต็อคได้ง่ายรู้ว่าสินค้าชิ้นไหนมาก่อนมาหลัง ลูกค้าจะได้สินค้าที่ไม่ค้างสต็อค
  2. จัดเก็บสินค้าได้อย่างเป็นระบบ เพิ่มความสะดวกในการหยิบสินค้า และเช็กสต็อกสินค้า
  3. ทราบมูลค่าของสินค้าคงคลังได้ง่ายขึ้น โดยสังเกตจากจำนวนเงินที่ถูกหักออกไปจากคลังสินค้า เทียบกับจำนวนที่ได้รับเข้ามา ซึ่งทั้งสองจะแปรผันตรงกัน ง่ายต่อการนำข้อมูลมาทำบัญชี
และยิ่งไปกว่านั้น FIFO ยังนำไปใช้คิด “ต้นทุนเฉลี่ยต่อชิ้น” ของสินค้าและวัตถุดิบ ในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ 
 
 
ยกตัวอย่างเช่น สินค้าล็อตแรกสั่งมา 100 ชิ้น ต้นทุนชิ้นละ 20 บาท  สินค้าล็อตที่ 2 สั่งมา 100 ชิ้นต้นทุนชิ้นละ 50 บาท
  • ถ้าขายสินค้าล็อตที่ 1 และ 2 หมด
  • ต้นทุนคือ 100 x 20 = 2,000 บาท บวกกับ 100 x 50 = 5,000 บาท
  • จะเป็นต้นทุนรวม 7,000 บาท
  • หารด้วยจำนวนสินค้า 200 ชิ้น เฉลี่ยแล้วต้นทุนชิ้นละ 35 บาท
ซึ่งการคิดต้นทุนเฉลี่ยต่อชิ้นแบบ FIFO ในแต่ละช่วงเวลา ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย จะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนการขาย ปริมาณการขายในแต่ละวัน ก็มีผลต่อการคิดคำนวณต้นทุนกำไร สามารถนำไปปรับใช้กับร้านอาหารที่มีการเข้าออกของวัตถุดิบอย่าง เนื้อหมู ,เนื้อปลา ,ไข่ไก่ , ผักสด อยู่ตลอดเวลา
 
 
และหากเป็นการค้าปลีกในชุมชนหรือร้านโชห่วยนอกจากจะเอากลยุทธ์  FIFO ไปปรับใช้ ยังมีอีกวิธีที่ควรนำไปใช้คู่กันคือ กฎ 80/20 ของ Pareto ที่ให้แบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่มคือ สินค้าขายดี  สินค้าขายได้ปานกลาง และสินค้าขายได้น้อย หลังจากแบ่งประเภทสินค้าได้แล้วให้เรียงบนชั้นวางสินค้า จากบนลงล่าง โดยให้สินค้าขายดีอยู่บนชั้นวางสินค้ามากที่สุด

ตามมาด้วยสินค้าขายได้ปานกลาง และวางสินค้าขายได้น้อยในจำนวนที่น้อยที่สุด และในที่สุดสินค้าที่ขายไม่ดี สุดท้ายก็จะถูกเอาออกไปจากชั้นวาง และทางร้านมีหน้าที่ในการหาสินค้าใหม่ที่ลูกค้าสนใจมากกว่าเข้ามาทดแทน วิธีนี้จะทำให้ มีสินค้าที่ตรงกับความต้องการผู้บริโภคได้มากที่สุด
 
ในยุคที่การแข่งขันนั้นสูง ยิ่งมีกลุ่มทุนจีนเข้ามาทำธุรกิจในไทย ก็ทำให้เราต้องยิ่งปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า การได้เรียนรู้โมเดลความสำเร็จจากแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จก็เป็นอีกทางลัดที่ทำให้ธุรกิจเราพร้อมจะเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
 
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แค่ใส่ใจ ใช้ให้เป็น Data-Driven Marketing อาวุธล..
2,362
ผู้กำกับ งานหด...สู่ครีเอเตอร์ TikTok ปั้นคอนเทน..
2,200
เศรษฐกิจไร้สัญญาณฟื้น! ทุบธุรกิจไทย เจ๊งแล้ว เจ๊..
1,284
จ่ายเท่าไหร่ ถ้านำสินค้าเข้าไปขายใน 7-Eleven
1,009
ร้านอาหารไทย หมดแรง กำลังซื้อหด ต้นทุนสูง ปิดตัว..
999
พลิกโฉม! 5 เทคนิค ทำธุรกิจแนวญี่ปุ่น ไม่เคยบอกใคร
922
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด