บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
603
2 นาที
19 สิงหาคม 2567
เปิด 4 เคล็ดลับ “ทุนจีน” เทคนิค “กินรวบ” ที่ควรรู้!
 

ธุรกิจของคนจีนที่ปรากฏในเมืองไทยตอนนี้ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดเอาเท่าที่เห็นๆ และเป็นข่าวก็ไล่มาตั้งแต่ MIXUE , WeDrink , Zhengxin Chicken , Cotti Cofee , TEMU และยังไม่รวมอีกหลายธุรกิจทั้งขนาดเล็ก- ขนาดใหญ่ที่จ่อเข้ามาในเมืองไทยต่อจากนี้ และเรื่องสินค้าจีนตอนนี้ก็ลามไปถึง “ชามตราไก่” ซึ่งผู้ประกอบการที่ลำปางบอก่าชามตราไก่จากจีนได้เข้ามาตีตลาดในประเทศไทย

โดยขายราคาต่ำกว่าทุน 3-5 เท่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการและโรงงานเซรามิกใน .ลำปาง ได้รับกระทบอย่างหนัก จนถึงขั้นขาดทุนและปิดตัวลงนับร้อยแห่งอีกด้วย
 
หากจะไปวิเคราะห์กันว่าทำไมทุนจีนถึงหลั่งไหลเข้ามาในเมืองไทยก้มีหลายแง่มุมน่าสนใจเช่น
  • สินค้าจีนมีข้อจำกัดในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้ต้องหันมาระบายสินค้าหรือตั้งฐานการผลิตในไทย
  • การลงทุนในประเทศอื่นเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง
  • การลงทุนในหลายประเทศช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว 
  • ในประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ ที่มีกำลังการซื้อสูง ยิ่งเป็นสินค้าที่ราคาไม่แพง คนไทยยิ่งชอบ
  • การสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในนโยบายนโยบาย "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative) ที่สนับสนุนการลงทุนและการค้าในหลายประเทศ
และถ้าวิเคราะห์ไปถึงจุดเด่นของคนจีนที่ “หัวการค้า” มีแนวคิดแบบ “นักธุรกิจ” เป็นทุนเดิม ผสมผสานกับความได้เปรียบในหลายปัจจัยที่กล่าวมา การตีตลาดเมืองไทยจึงไม่ใช่เรื่องยากถึงขนาดที่มีคนกล่าวว่า “จีนบุกไทย ง่ายกว่าไทยไปบุกจีน”
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าในหมวดแฟชั่น เครื่องแต่งกาย และ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งวันนี้มีอัตราการผลิตในโรงงานไม่ถึง 50% ของกำลังการผลิต ซํ้าเติมในด้านต้นทุนที่ไม่สามารถแข่งขันได้ และในระยะยาว ธุรกิจเหล่านี้ส่อแวว “ไม่ได้ไปต่อ”
 
ถ้าเราไล่เรียงทีละประเด็นว่า “จีน” มีเคล็ดลับอะไรในการทำธุรกิจชนิดที่หลายคนมองว่าจะกินรวบ ก็พบว่า
 
1.จีนเริ่มต้นจากการเป็นโรงงานของโลก 
 

ภาพจาก www.facebook.com/HisenseThai

ด้วยการรับจ้างผลิตของง่าย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เรียนรู้การผลิตและการพัฒนาธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น จนสามารถสร้างแบรนด์ตัวเองขึ้นมาตัวอย่างที่ชัดเจน คือ Hisense ที่เคยรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toshiba, Hitachi ก่อนหันมาทำเอง และปัจจุบันขายทีวี จนครองส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอันดับ 2 ของโลก ก็ยังไม่รับรวมอีกหลายสินค้าทั้งสมาร์ทโฟน และรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันด้วย
 
2.ชูจุดเด่นราคาถูก สินค้ามีให้เลือกเยอะ 
 

กรณีของ Mixue, Wedrink, Cotti Coffee, Zhengxin รวมถึง TEMU เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เน้นราคาให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ เริ่มต้นหลักสิบบาท และถูกกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดจะเห็นว่า แบรนด์จีนส่วนใหญ่มักยึดกลยุทธ์เน้นกำไรน้อยเพราะขายราคาถูก แลกกับการเข้าถึงลูกค้าขนาดใหญ่ได้
 
3.ตัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป
 

ภาพจาก www.facebook.com/SHEINThailand

เป็นอีกกลยุทธ์ในการ “ดั๊มราคา” สินค้าและบริการ ที่ใช้ได้ผลมาก ยกตัวอย่างชัดเจนคือ SHEIN ที่ไม่มีหน้าร้านแบบ Zara, H&M หรือ Uniqlo มีแต่แพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเอง ทำให้ SHEIN เชื่อมต่อกับลูกค้าโดยตรง แถมยังไปทั่วโลกได้ง่ายกว่าและพอไม่มีหน้าร้าน ต้นทุนก็ลดลงมาก ยอดขายก็กลายเป็นกำไรได้มากขึ้น หรืออย่าง TEMU ใช้วิธีดีลกับโรงงานหรือผู้ผลิตสินค้าโดยตรง รอให้ลูกค้าเข้ามาสั่งแบบ Group Buying หรือสั่งมาทีเดียว ก่อนจะผลิตและส่งให้ลูกค้าภายหลัง
 
4.ยิ่งมีซัพพลายเออร์มาก ต้นทุนก็ยิ่งถูกลง
 
ภาพจาก https://bit.ly/3SOVYLZ

กรณีนี้ต้องยกตัวอย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาตีตลาดเมืองไทย ค่ายรถอื่นๆ บ่นว่าสู้ราคาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนไม่ได้ก็เพราะในจีนมีบริษัทผลิตแบตเตอรี่อย่าง CATL รวมทั้ง BYD ที่มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของตัวเอง ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ดี หรือการที่ Mixue มีโรงงานผลิตวัตถุดิบของตัวเอง มีครัวกลาง และระบบเครือข่ายคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ก็สามารถควบคุมต้นทุนธุรกิจตัวเองได้เช่นกัน
 
ซึ่งมีการวิเคราะห์กันไปอีกว่าในช่วงเปิดตลาดแบบนี้ ธุรกิจจีนจะใช้วิธีดั๊มราคาเพื่อดึงลูกค้า ในช่วงต้นก็หวังกำไรน้อยๆ เน้นขายในปริมาณมากๆ 
 
ถ้าไปดูตัวเลขก็ยิ่งชัดเจน โดยพบว่าธุรกิจจีนส่วนใหญ่มักมีอัตรากำไรสุทธิไม่ถึง 10% ยกตัวอย่างเช่น
  • Hisense อัตรากำไรสุทธิ 3%
  • BYD อัตรากำไรสุทธิ 5%
  • SHEIN อัตรากำไรสุทธิ 5%
  • Xiaomi อัตรากำไรสุทธิ 6%
แต่พอสินค้าเริ่มฮิตเริ่มติดตลาด และเริ่มมีส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น สินค้าเหล่านี้ก็จะเริ่มพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้น ราคาแพงขึ้น จนถึงเวลานั้นลูกค้าก็ต้องซื้อเนื่องจากไม่มีคู่แข่งที่ไหนเหลืออยู่แล้ว  ด้วยประเด็นต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นที่วิตกกังวลของ SMEs เมืองไทยรวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่หากสู้ไม่ได้ก็มีแต่จะตายเรียบ ในฐานะลูกค้าอาจมองว่าเป็นผลดีที่ได้สินค้าหลากหลายราคาไม่แพง แต่ถ้ามองการณ์ไกลในระยะยาวหากภาครัฐไม่มีมาตรการใดๆ มาสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้ประกอบการเมืองไทยให้ชัดเจน ผลกระทบที่ตามมาอาจได้ไม่คุ้มเสีย
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
605
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
493
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
473
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
404
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
398
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด