บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
291
2 นาที
19 สิงหาคม 2567
เปิด 4 เคล็ดลับ “ทุนจีน” เทคนิค “กินรวบ” ที่ควรรู้!
 

ธุรกิจของคนจีนที่ปรากฏในเมืองไทยตอนนี้ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดเอาเท่าที่เห็นๆ และเป็นข่าวก็ไล่มาตั้งแต่ MIXUE , WeDrink , Zhengxin Chicken , Cotti Cofee , TEMU และยังไม่รวมอีกหลายธุรกิจทั้งขนาดเล็ก- ขนาดใหญ่ที่จ่อเข้ามาในเมืองไทยต่อจากนี้ และเรื่องสินค้าจีนตอนนี้ก็ลามไปถึง “ชามตราไก่” ซึ่งผู้ประกอบการที่ลำปางบอก่าชามตราไก่จากจีนได้เข้ามาตีตลาดในประเทศไทย

โดยขายราคาต่ำกว่าทุน 3-5 เท่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการและโรงงานเซรามิกใน .ลำปาง ได้รับกระทบอย่างหนัก จนถึงขั้นขาดทุนและปิดตัวลงนับร้อยแห่งอีกด้วย
 
หากจะไปวิเคราะห์กันว่าทำไมทุนจีนถึงหลั่งไหลเข้ามาในเมืองไทยก้มีหลายแง่มุมน่าสนใจเช่น
  • สินค้าจีนมีข้อจำกัดในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้ต้องหันมาระบายสินค้าหรือตั้งฐานการผลิตในไทย
  • การลงทุนในประเทศอื่นเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง
  • การลงทุนในหลายประเทศช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว 
  • ในประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ ที่มีกำลังการซื้อสูง ยิ่งเป็นสินค้าที่ราคาไม่แพง คนไทยยิ่งชอบ
  • การสนับสนุนจากรัฐบาลจีนในนโยบายนโยบาย "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative) ที่สนับสนุนการลงทุนและการค้าในหลายประเทศ
และถ้าวิเคราะห์ไปถึงจุดเด่นของคนจีนที่ “หัวการค้า” มีแนวคิดแบบ “นักธุรกิจ” เป็นทุนเดิม ผสมผสานกับความได้เปรียบในหลายปัจจัยที่กล่าวมา การตีตลาดเมืองไทยจึงไม่ใช่เรื่องยากถึงขนาดที่มีคนกล่าวว่า “จีนบุกไทย ง่ายกว่าไทยไปบุกจีน”
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าในหมวดแฟชั่น เครื่องแต่งกาย และ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งวันนี้มีอัตราการผลิตในโรงงานไม่ถึง 50% ของกำลังการผลิต ซํ้าเติมในด้านต้นทุนที่ไม่สามารถแข่งขันได้ และในระยะยาว ธุรกิจเหล่านี้ส่อแวว “ไม่ได้ไปต่อ”
 
ถ้าเราไล่เรียงทีละประเด็นว่า “จีน” มีเคล็ดลับอะไรในการทำธุรกิจชนิดที่หลายคนมองว่าจะกินรวบ ก็พบว่า
 
1.จีนเริ่มต้นจากการเป็นโรงงานของโลก 
 

ภาพจาก www.facebook.com/HisenseThai

ด้วยการรับจ้างผลิตของง่าย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เรียนรู้การผลิตและการพัฒนาธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น จนสามารถสร้างแบรนด์ตัวเองขึ้นมาตัวอย่างที่ชัดเจน คือ Hisense ที่เคยรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toshiba, Hitachi ก่อนหันมาทำเอง และปัจจุบันขายทีวี จนครองส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอันดับ 2 ของโลก ก็ยังไม่รับรวมอีกหลายสินค้าทั้งสมาร์ทโฟน และรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันด้วย
 
2.ชูจุดเด่นราคาถูก สินค้ามีให้เลือกเยอะ 
 

กรณีของ Mixue, Wedrink, Cotti Coffee, Zhengxin รวมถึง TEMU เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เน้นราคาให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ เริ่มต้นหลักสิบบาท และถูกกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดจะเห็นว่า แบรนด์จีนส่วนใหญ่มักยึดกลยุทธ์เน้นกำไรน้อยเพราะขายราคาถูก แลกกับการเข้าถึงลูกค้าขนาดใหญ่ได้
 
3.ตัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป
 

ภาพจาก www.facebook.com/SHEINThailand

เป็นอีกกลยุทธ์ในการ “ดั๊มราคา” สินค้าและบริการ ที่ใช้ได้ผลมาก ยกตัวอย่างชัดเจนคือ SHEIN ที่ไม่มีหน้าร้านแบบ Zara, H&M หรือ Uniqlo มีแต่แพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเอง ทำให้ SHEIN เชื่อมต่อกับลูกค้าโดยตรง แถมยังไปทั่วโลกได้ง่ายกว่าและพอไม่มีหน้าร้าน ต้นทุนก็ลดลงมาก ยอดขายก็กลายเป็นกำไรได้มากขึ้น หรืออย่าง TEMU ใช้วิธีดีลกับโรงงานหรือผู้ผลิตสินค้าโดยตรง รอให้ลูกค้าเข้ามาสั่งแบบ Group Buying หรือสั่งมาทีเดียว ก่อนจะผลิตและส่งให้ลูกค้าภายหลัง
 
4.ยิ่งมีซัพพลายเออร์มาก ต้นทุนก็ยิ่งถูกลง
 
ภาพจาก https://bit.ly/3SOVYLZ

กรณีนี้ต้องยกตัวอย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาตีตลาดเมืองไทย ค่ายรถอื่นๆ บ่นว่าสู้ราคาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนไม่ได้ก็เพราะในจีนมีบริษัทผลิตแบตเตอรี่อย่าง CATL รวมทั้ง BYD ที่มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของตัวเอง ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ดี หรือการที่ Mixue มีโรงงานผลิตวัตถุดิบของตัวเอง มีครัวกลาง และระบบเครือข่ายคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ก็สามารถควบคุมต้นทุนธุรกิจตัวเองได้เช่นกัน
 
ซึ่งมีการวิเคราะห์กันไปอีกว่าในช่วงเปิดตลาดแบบนี้ ธุรกิจจีนจะใช้วิธีดั๊มราคาเพื่อดึงลูกค้า ในช่วงต้นก็หวังกำไรน้อยๆ เน้นขายในปริมาณมากๆ 
 
ถ้าไปดูตัวเลขก็ยิ่งชัดเจน โดยพบว่าธุรกิจจีนส่วนใหญ่มักมีอัตรากำไรสุทธิไม่ถึง 10% ยกตัวอย่างเช่น
  • Hisense อัตรากำไรสุทธิ 3%
  • BYD อัตรากำไรสุทธิ 5%
  • SHEIN อัตรากำไรสุทธิ 5%
  • Xiaomi อัตรากำไรสุทธิ 6%
แต่พอสินค้าเริ่มฮิตเริ่มติดตลาด และเริ่มมีส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น สินค้าเหล่านี้ก็จะเริ่มพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้น ราคาแพงขึ้น จนถึงเวลานั้นลูกค้าก็ต้องซื้อเนื่องจากไม่มีคู่แข่งที่ไหนเหลืออยู่แล้ว  ด้วยประเด็นต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นที่วิตกกังวลของ SMEs เมืองไทยรวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่หากสู้ไม่ได้ก็มีแต่จะตายเรียบ ในฐานะลูกค้าอาจมองว่าเป็นผลดีที่ได้สินค้าหลากหลายราคาไม่แพง แต่ถ้ามองการณ์ไกลในระยะยาวหากภาครัฐไม่มีมาตรการใดๆ มาสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้ประกอบการเมืองไทยให้ชัดเจน ผลกระทบที่ตามมาอาจได้ไม่คุ้มเสีย
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แค่ใส่ใจ ใช้ให้เป็น Data-Driven Marketing อาวุธล..
2,382
ผู้กำกับ งานหด...สู่ครีเอเตอร์ TikTok ปั้นคอนเทน..
2,218
เศรษฐกิจไร้สัญญาณฟื้น! ทุบธุรกิจไทย เจ๊งแล้ว เจ๊..
1,294
จ่ายเท่าไหร่ ถ้านำสินค้าเข้าไปขายใน 7-Eleven
1,088
ร้านอาหารไทย หมดแรง กำลังซื้อหด ต้นทุนสูง ปิดตัว..
1,046
พลิกโฉม! 5 เทคนิค ทำธุรกิจแนวญี่ปุ่น ไม่เคยบอกใคร
953
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด