บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
409
2 นาที
3 ตุลาคม 2567
กลยุทธ์ลดราคา! ร้านค้าปลีกปั้น House Brand ถัวเฉลี่ยให้ได้กำไร 
 

เชื่อว่าหลายคนเคยใช้สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ (ตรายี่ห้อร้าน) แล้วถ้าถามว่าที่ใช้หรือซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพราะราคาถูกหรือความชอบส่วนตัว น่าจะมีทั้ง 2 อย่าง แต่ปัจจุบันหลายๆ ยี่ห้อคุณภาพไม่แพ้แบรนด์ใหญ่ด้วยซ้ำ 
 
ทำไมร้านค้าปลีกต้องมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพราะสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เป็นตัวถัวเฉลี่ยในเรื่องของการทำกำไร จะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีกต่างๆ แข่งขันกันด้านการลดราคา บางครั้งอาจต้องยอมขาดทุนในการขายสินค้าบางชิ้น เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้าน แล้วหาวิธีทำกำไรจากส่วนอื่น ทั้งค่าฟี โปรโมชั่น และอื่นๆ เพื่อถัวเฉลี่ยให้ได้กำไรตามเป้าหมาย 
 
ปกติแล้วร้านค้าปลีกมักจะมีอัตราการทำกำไรสุทธิค่อนข้างต่ำราวๆ 3-4% วิธีเพิ่มอัตราทำกำไร คือ การขายสินค้าแบรนด์ตนเอง เพราะร้านค้าปลีกจะได้กินกำไรเหมือนเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขายในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าร้านค้าปลีกสวมหมวก 2 ใบ คือ เป็นร้านค้าปลีก และเจ้าของสินค้าด้วย ดังนั้น การขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมากสำหรับร้านค้าปลีก
 
 
ประโยชน์ของการทำสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ จะเป็นตัวสร้างความแตกต่าง และสร้าง Store Loyalty เมื่อคนติดแบรนด์ไปแล้ว แล้วรู้ว่ามีขายแค่ที่นี่เท่านั้น ก็จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจมาที่ร้านค้าปลีกของเราได้แบบไม่ลังเล  
 
สำหรับภาพรวมการเติบโตสินค้า House Brand ในต่างประเทศ จากผลสำรวจของ McKinsey ปี 2566 พบว่า ผู้บริโภค 36% ต้องการซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพราะทดลองใช้แล้วรู้สึกว่า สินค้ามีคุณภาพดีเทียบเท่า หรือดีกว่าสินค้าแบรนด์อื่นๆ 

นอกจากนี้ยังพบว่า สัดส่วนของสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ในหลายประเทศยุโรปเพิ่มขึ้น 1.9% มีส่วนแบ่งตลาดของร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.4% สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 


สำหรับในไทย พบว่า คนไทยซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% ในปี 2564 เป็น 6% ในปี 2565 แสดงให้เห็นว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เป็นสินค้าคุณภาพดี และชี้ว่าคนไทยเลือกซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ที่เป็นกลุ่มพรีเมียมมากขึ้นกว่าเท่าตัว โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพควบคู่กับราคาที่เข้าถึงได้
 
สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ที่ร้านค้าปลีกวางขายเอง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งน้ำดื่ม อาหาร น้ำยาล้างจาน และอื่นๆ หลายแบรนด์ ส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าสินค้าแบรนด์ใหญ่ที่รับมาขาย ที่ขายถูกเพราะได้เปรียบด้านต้นทุน เพราะร้านค้าปลีกไม่ต้องเสียค่าเช่าวางขายให้กับตัวเอง ไม่ต้องโฆษณา ทำการตลาด ทำให้ขายได้ราคาถูก แต่ถัวเฉลี่ยทำกำไรให้ร้านได้
 
ภาพจาก https://bit.ly/3TUmlRp
 
ความนิยมในสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ในไทยเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะราคาถูก แถมหลายๆ ยี่ห้อคุณภาพดีด้วย ไม่แปลกที่ล่าสุด CP จับมือ KAO บริษัท คาโอ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) เจ้าของแบรนด์สินค้าอุปโภคหรือสินค้าประเภทของใช้ในชีวิตประจำวัน ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น น้ำยาซักผ้าแอทแทค น้ำยาทำความสะอาดเมจิกคลีน ยาสระผมแฟซ่า น้ำยาล้างเครื่องสำอางบิโอเร ฯลฯ
 
สิ่งที่ CP และ KAO จะทำร่วมกัน เช่น ผลิตสินค้าอุปโภคที่เป็นเฮ้าส์แบรนด์ของ CP ขายในร้านค้าเครือ CP ทั้ง 7-Eleven, Lotus’s และ Makro คาดว่าจะเริ่มขายได้ตั้งแต่ปี 2568 เชื่อว่าตลาดสินค้าเฮ้าส์แบรนด์แข่งกันรุนแรงแน่
 
ภาพจาก https://bit.ly/47PUGXw

ต้องจับตาดูกันต่อว่าร้านค้าปลีกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Big C, Lotus’s, Tops หรือ 7-Eleven จะเดินหน้าทำเฮ้าส์แบรนด์หนักหน่วงแค่ไหน เพราะถ้าไม่ทำคู่แข่งก็ทำ สุดท้ายก็จะถูกแย่งลูกค้าไป หากปรับราคาสินค้าขึ้น ลูกค้าก็ไปเข้าร้านอื่นทันที 
 
ดังนั้น วิธีแก้เกมของร้านค้าปลีกเหล่านี้ คือ เพิ่มจำนวนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มีจุดขายที่มีต้นทุนในการผลิตต่ำ แทบไม่มีค่าโฆษณาและการตลาด ทำให้ขายราคาถูกกว่าแบรนด์ชั้นนำราวๆ 20-30% แม้จะขายราคาถูกกว่า แต่ทางร้านยังมีกำไรดีกว่า จากการนำมาถัวเฉลี่ยกำไรที่น้อยลงจากการลดราคาขายสินค้าแบรนด์ชั้นนำ

ติดตามได้ที่ Add LINE id: 
@thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ทำไมธุรกิจจีนบุกไทย แบบเอาเป็นเอาตาย!
830
แฉ จริงมั๊ย? ลงทุนเงินสด ดีกว่า กู้เงิน
676
ยังวิกฤต! โรงงาน-ธุรกิจ แห่ปิดกิจการครึ่งปีแรกเด..
580
เทคนิคสร้างตัวตน ขายของให้ปัง ยอดขายพุ่ง ใน TikT..
516
จริงมั๊ย! ธุรกิจไหนลงทุนต่ำ ทำเงินน้อย มักเจ๊งเร็ว
510
รู้ก่อนเจ๊ง! จุดคุ้มทุน รู้ให้จริง หาให้ได้
471
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด