บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
896
2 นาที
3 ตุลาคม 2567
กลยุทธ์ลดราคา! ร้านค้าปลีกปั้น House Brand ถัวเฉลี่ยให้ได้กำไร 
 

เชื่อว่าหลายคนเคยใช้สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ (ตรายี่ห้อร้าน) แล้วถ้าถามว่าที่ใช้หรือซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพราะราคาถูกหรือความชอบส่วนตัว น่าจะมีทั้ง 2 อย่าง แต่ปัจจุบันหลายๆ ยี่ห้อคุณภาพไม่แพ้แบรนด์ใหญ่ด้วยซ้ำ 
 
ทำไมร้านค้าปลีกต้องมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพราะสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เป็นตัวถัวเฉลี่ยในเรื่องของการทำกำไร จะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีกต่างๆ แข่งขันกันด้านการลดราคา บางครั้งอาจต้องยอมขาดทุนในการขายสินค้าบางชิ้น เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้าน แล้วหาวิธีทำกำไรจากส่วนอื่น ทั้งค่าฟี โปรโมชั่น และอื่นๆ เพื่อถัวเฉลี่ยให้ได้กำไรตามเป้าหมาย 
 
ปกติแล้วร้านค้าปลีกมักจะมีอัตราการทำกำไรสุทธิค่อนข้างต่ำราวๆ 3-4% วิธีเพิ่มอัตราทำกำไร คือ การขายสินค้าแบรนด์ตนเอง เพราะร้านค้าปลีกจะได้กินกำไรเหมือนเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขายในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าร้านค้าปลีกสวมหมวก 2 ใบ คือ เป็นร้านค้าปลีก และเจ้าของสินค้าด้วย ดังนั้น การขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญมากสำหรับร้านค้าปลีก
 
 
ประโยชน์ของการทำสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ จะเป็นตัวสร้างความแตกต่าง และสร้าง Store Loyalty เมื่อคนติดแบรนด์ไปแล้ว แล้วรู้ว่ามีขายแค่ที่นี่เท่านั้น ก็จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจมาที่ร้านค้าปลีกของเราได้แบบไม่ลังเล  
 
สำหรับภาพรวมการเติบโตสินค้า House Brand ในต่างประเทศ จากผลสำรวจของ McKinsey ปี 2566 พบว่า ผู้บริโภค 36% ต้องการซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ เพราะทดลองใช้แล้วรู้สึกว่า สินค้ามีคุณภาพดีเทียบเท่า หรือดีกว่าสินค้าแบรนด์อื่นๆ 

นอกจากนี้ยังพบว่า สัดส่วนของสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ในหลายประเทศยุโรปเพิ่มขึ้น 1.9% มีส่วนแบ่งตลาดของร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.4% สะท้อนให้เห็นว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 


สำหรับในไทย พบว่า คนไทยซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% ในปี 2564 เป็น 6% ในปี 2565 แสดงให้เห็นว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เป็นสินค้าคุณภาพดี และชี้ว่าคนไทยเลือกซื้อสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ที่เป็นกลุ่มพรีเมียมมากขึ้นกว่าเท่าตัว โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพควบคู่กับราคาที่เข้าถึงได้
 
สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ที่ร้านค้าปลีกวางขายเอง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งน้ำดื่ม อาหาร น้ำยาล้างจาน และอื่นๆ หลายแบรนด์ ส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าสินค้าแบรนด์ใหญ่ที่รับมาขาย ที่ขายถูกเพราะได้เปรียบด้านต้นทุน เพราะร้านค้าปลีกไม่ต้องเสียค่าเช่าวางขายให้กับตัวเอง ไม่ต้องโฆษณา ทำการตลาด ทำให้ขายได้ราคาถูก แต่ถัวเฉลี่ยทำกำไรให้ร้านได้
 
ภาพจาก https://bit.ly/3TUmlRp
 
ความนิยมในสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ในไทยเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะราคาถูก แถมหลายๆ ยี่ห้อคุณภาพดีด้วย ไม่แปลกที่ล่าสุด CP จับมือ KAO บริษัท คาโอ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) เจ้าของแบรนด์สินค้าอุปโภคหรือสินค้าประเภทของใช้ในชีวิตประจำวัน ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น น้ำยาซักผ้าแอทแทค น้ำยาทำความสะอาดเมจิกคลีน ยาสระผมแฟซ่า น้ำยาล้างเครื่องสำอางบิโอเร ฯลฯ
 
สิ่งที่ CP และ KAO จะทำร่วมกัน เช่น ผลิตสินค้าอุปโภคที่เป็นเฮ้าส์แบรนด์ของ CP ขายในร้านค้าเครือ CP ทั้ง 7-Eleven, Lotus’s และ Makro คาดว่าจะเริ่มขายได้ตั้งแต่ปี 2568 เชื่อว่าตลาดสินค้าเฮ้าส์แบรนด์แข่งกันรุนแรงแน่
 
ภาพจาก https://bit.ly/47PUGXw

ต้องจับตาดูกันต่อว่าร้านค้าปลีกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Big C, Lotus’s, Tops หรือ 7-Eleven จะเดินหน้าทำเฮ้าส์แบรนด์หนักหน่วงแค่ไหน เพราะถ้าไม่ทำคู่แข่งก็ทำ สุดท้ายก็จะถูกแย่งลูกค้าไป หากปรับราคาสินค้าขึ้น ลูกค้าก็ไปเข้าร้านอื่นทันที 
 
ดังนั้น วิธีแก้เกมของร้านค้าปลีกเหล่านี้ คือ เพิ่มจำนวนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มีจุดขายที่มีต้นทุนในการผลิตต่ำ แทบไม่มีค่าโฆษณาและการตลาด ทำให้ขายราคาถูกกว่าแบรนด์ชั้นนำราวๆ 20-30% แม้จะขายราคาถูกกว่า แต่ทางร้านยังมีกำไรดีกว่า จากการนำมาถัวเฉลี่ยกำไรที่น้อยลงจากการลดราคาขายสินค้าแบรนด์ชั้นนำ

ติดตามได้ที่ Add LINE id: 
@thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
650
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
599
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
541
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
496
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
491
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
458
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด