บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
270
3 นาที
24 ธันวาคม 2568
สูตรธุรกิจ! เปิดร้านอาหาร “ที่เจ้าของไม่ต้องเฝ้าร้าน”
 

“ร้านอาหาร” เป็นธุรกิจที่คนอยากทำมากที่สุด แต่ก็เป็นอีกธุรกิจที่เหนื่อยมากที่สุดเช่นกัน ข้อมูลในปี 2568 คาดว่ามีร้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วประเทศกว่า 700,000 แห่ง ซึ่งยังไม่นับรวมร้านอาหารประเภทอื่นๆ ที่เป็นร้านข้างทาง , รถเข็นไม่มีหน้าร้าน, ร้านฟู้ดทรัค และร้านรูปแบบ Ghost Kitchen  
 
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่เริ่มแล้วจะรอดข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังระบุชัดว่า มีธุรกิจร้านอาหารที่จดทะเบียนเลิกกิจการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน) จำนวน 6,244 ราย ในจำนวนนี้เป็น ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 276 ราย
 
ปัญหาหนักอกของคนทำร้านอาหารมีอยู่ด้วยกันหลายส่วนยิ่งภาวะเศรษฐกิจยุคนี้ยิ่งปวดหัวหนัก เช่น
  • ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 18-25% โดยเฉพาะวัตถุดิบนำเข้า. คิดเป็นสัดส่วนต้นทุน 30-40% ของร้านอาหาร
  • ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นเป็น 400-470 บาท/วัน ในบางพื้นที่ เพิ่มต้นทุนราว 5%
  • ค่าไฟฟ้าและน้ำเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12-15%
  • การแข่งขันสูง โดยร้านอาหารเปิดใหม่กว่า 60% ปิดตัวภายใน 3 ปีแรก
  • โอกาสขาดทุนในปีแรกที่เปิดร้านสูงกว่า 30-40%  
ร้านอาหาร “ยิ่งปัญหาเยอะ” เจ้าของต้องมาเฝ้าร้านทุกวัน
 

ถ้าให้ขมวดรวมปัญหาของการทำร้านอาหารที่แท้จริงจะแยกออกมาเป็น 3 ปัญหาใหญ่ๆคือ
  1. ปัญหาเรื่องพนักงาน
  2. ปัญหาเรื่องบริหารจัดการต้นทุนของร้าน
  3. ปัญหาการแข่งขันและการตลาดที่ดุเดือด
ซึ่งการทำร้านอาหารที่ไม่มีระบบสนับสนุนการบริหารจัดการที่ดีพอยิ่งทำให้เจ้าของร้านต้องเหนื่อยหนักมากสุดท้ายถึงขนาดที่ “ไม่กล้าไปไหน” เพราะความกลัวหลายอย่างเช่น
  • ความไม่ไว้ใจในมาตรฐาน (The Quality Fear)  แม้จะมีพนักงานที่เก่งแต่เจ้าของร้านมักถูกผูกติดกับความเชื่อที่ว่า "ถ้าฉันไม่อยู่ รสชาติ/บริการจะไม่เหมือนเดิม" ความกังวลว่าคุณภาพจะตกลงแม้เพียงเล็กน้อย ทำให้ต้องมานั่งเฝ้าเพื่อรักษามาตรฐานที่ตัวเองสร้างไว้
  • ภาระการตัดสินใจ (The Decision Weight)  เมื่อเกิดปัญหาสำคัญที่ไม่คาดฝัน เช่น เครื่องมือพัง, วัตถุดิบหมดกะทันหัน, ลูกค้ามีเรื่องร้องเรียน มีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ทันที ความรู้สึกว่า "ฉันต้องเป็นคนสุดท้ายที่รู้และแก้ปัญหา" ทำให้ไม่กล้าทิ้งร้านไปไกล ๆ
  • ความรับผิดชอบต่อทีมงาน (Responsibility to Staff)  ด้วยความคิดและรู้สึกว่าการเป็นเจ้าของร้านคือผู้ที่รับผิดชอบชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานทุกคน การหายไปจากร้านเป็นเวลานานอาจทำให้ทีมงานรู้สึกขาดที่พึ่ง หรือขาดผู้ชี้นำ
ปัญหา “พนักงาน” ต้นทุนสำคัญที่มีผลต่อยอดขายร้านอาหาร
 

 
เหตุผลที่ทำให้เจ้าของต้องมาเฝ้าร้านส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ระบบงานไม่มีประสิทธิภาพ” พนักงานมีการ Turnover บ่อยและส่งผลต่อคุณภาพสินค้ารวมถึงบริการของร้านด้วยข้อมูลน่าสนใจระบุว่า
  • 83% บอกว่าปัญหาพนักงานคือปัญหาที่หนักที่สุด
  • 40% เคยขาดทุนหรือเกือบปิดร้านเพราะพนักงาน
ตัวเลขยังระบุอีกว่า ร้านอาหารทั่วไปที่มีปัญหาพนักงานหนัก ทำให้ยอดขายลดลงเฉลี่ย 28-45% ต่อเดือน และถ้าปล่อยไว้นานเกิน 3 เดือน กว่า 60% อาจต้องปิดกิจการภายในปีนั้น และการเปลี่ยนพนักงานบ่อยเกินไปก็คือต้นทุนแฝงของผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับ เช่นการให้เงินเดือนพนักงาน 15,000 บาท แต่ใช้เวลาฝึกกว่าจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพใช้เวลา 1-2 เดือนเป็นต้น
 
และยังไม่นับรวมปัญหาของร้านอาหารในส่วนอื่นไม่ว่าจะต้นทุนของร้านหรือด้านการตลาดต่างๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร้านที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passiveincome ให้ตัวเองมีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้นต้องเน้นการสร้าง “ระบบ” เพื่อให้ไม่ต้องเฝ้าร้านทุกวัน
 
วิธี “สร้างระบบร้านอาหาร” ไปต่อโดยไม่มีเจ้าของ
1.การสร้างสูตรอาหารแบบ “Foolproof Recipe” 
 

หมายถึง การออกแบบกระบวนการปรุงอาหารให้มีโอกาสผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แต่พนักงานที่ไม่มีประสบการณ์หรือทักษะสูงก็สามารถทำตามได้และได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง 
 
ซึ่งไม่ใช่แค่การเขียนรายการส่วนผสม แต่เป็นการกำหนดปริมาณที่แน่นอน (Precision Measurement) เพื่อกำจัดความผิดพลาดจากการใช้ "ประมาณ" เป็นหน่วยที่วัดได้จริง เช่นผัดกระเพรา เขียนส่วนผสมทั้งหมดไว้ชัดเจนว่าใน 1 จานต้องใส่อะไรเท่าไหร่ เรียงลำดับการใส่วัตถุดิบก่อนหลัง ,มีภาพถ่ายระหว่างขั้นตอนการทำอย่างชัดเจน ,  ใช้เวลาในการผัดเท่าไหร่ เป็นต้น และต้องมีการ Checklist เมนูก่อนส่งเสิร์ฟให้ลูกค้าในขั้นตอนสุดท้ายด้วย
 
2.การวางผังครัว + Workflow ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารสามารถทำงานได้รวดเร็ว ลดความผิดพลาด ลดความเหนื่อยล้าของพนักงาน และรองรับจำนวนลูกค้าได้มากขึ้น หลักการสำคัญของการวางผังคือการแบ่งพื้นที่ออกเป็น เขตการทำงาน (Zones) ที่ชัดเจน เช่น พื้นที่รับสินค้าและจัดเก็บ , พื้นที่สำหรับการเตรียมวัตถุดิบ , พื้นที่ปรุงอาหารร้อน , พื้นที่สำหรับปรุงอาหารทั่วไป/จัดจาน , พื้นที่สำหรับพนักงานเสิร์ฟรับอาหาร , เขตพื้นที่สำหรับการล้างจาน เป็นต้น 
 
และยังรวมไปถึงการจัดวางเครื่องมือให้หยิบจับได้ง่าย หรือการออกแบบเส้นทางเดินที่ต้องกว้างพอให้พนักงานเดินผ่านกันได้อย่างสะดวก
 
3.ใช้ระบบ POS (Point of Sale)
 

เป็นระบบที่มากกว่าแค่การคิดเงินแต่ สามารถเชื่อมต่อกับระบบสต็อกอัตโนมัติ (Automatic Inventory) ช่วยให้เจ้าของร้านไม่จำเป็นต้องเฝ้าร้านเองตลอดเวลาและบริหารจัดการร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งปัจจุบัน ระบบ POS มีฟีเจอร์เยอะมากเช่น การกำหนดต้นทุนสูตรอาหาร (Recipe Costing ) ว่าใน 1 เมนูประกอบด้วยอะไร ปริมาณเท่าไหร่ เมื่อขายไป 1 เมนูระบบจะตัดสต็อกทันที (Real-Time Deduction) ขายไปกี่จานระบบก็ตัดสต็อกวัตถุดิบไปเท่านั้น และยังอีกหลายฟีเจอร์ เช่น 
  • KDS (Kitchen Display System) หน้าจอในครัวที่แสดงออเดอร์จาก POS แทนการใช้กระดาษ ช่วยลดความผิดพลาดในการส่งออเดอร์ และจัดลำดับการทำอาหารได้ดีขึ้น
  • Customer Display  จอแสดงผลฝั่งลูกค้า ช่วยให้ลูกค้ายืนยันออเดอร์และยอดเงินได้ก่อนชำระ 
  • Employee Management  บันทึกเวลาเข้า-ออกงาน, กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของพนักงานแต่ละคน และติดตามประสิทธิภาพการขายของแต่ละบุคคลได้
  • Loyalty & CRM สร้างระบบสะสมแต้มหรือส่วนลดสำหรับลูกค้าประจำ เพื่อกระตุ้นยอดขาย
4.การสร้าง คู่มือพนักงาน (Employee Handbook)
 

เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการปัญหาพนักงานขาด ลา มาสาย การลาออกบ่อย และความไม่เข้าใจระบบงานได้ตั้งแต่ต้น คู่มือพนักงานที่ดีควรเป็นเอกสารที่เข้าใจง่าย ชัดเจน และเป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับทุกคำถามเกี่ยวกับนโยบายและขั้นตอนปฏิบัติงาน (SOP) มีข้อดีคือ
  • ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการสอนงาน ไม่จำเป็นต้องสอนเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่มีพนักงานใหม่ เพราะคู่มือคือครูฝึกมาตรฐาน
  • ใช้แก้ปัญหาเรื่องวินัยพนักงาน ที่สามารถอ้างอิงนโยบายที่เขียนไว้ชัดเจนในคู่มือ ทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่าง ยุติธรรมและเป็นกลาง
  • เป็นการสร้างความมั่นคงในระบบร้านอาหาร เมื่อพนักงานลาออก คนใหม่สามารถเข้ามาศึกษาและเริ่มงานได้เร็วขึ้น เพราะมีเอกสารอ้างอิงที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกคน
การวางระบบ SOP และ POS ในร้านอาหารไม่ได้มีผลดีเพียงแค่การที่เจ้าของธุรกิจไม่ต้องคอยเฝ้าร้าน ระบบที่พร้อมทำงานเหล่านี้ยังช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยของร้านอาหารทั้งในแง่ของวัตถุดิบ , ต้นทุนแรงงาน และยังช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการขายได้อย่างแม่นยำ มีโอกาสในการสร้างยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น 
 
และเมื่อระบบมีความพร้อมก็จะลดปัญหาการลาออกของพนักงานหรือถ้ามีพนักงานใหม่เข้ามาระบบเหล่านี้ก็จะลดเวลาในการอบรมพนักงานใหม่ให้เข้าใจรูปแบบการทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้คือสูตรลับทางธุรกิจที่เจ้าของร้านอาหารควรนำมาใช้ และจะไม่ต้องเหนื่อยกับการเฝ้าร้าน มีเวลาไปทำธุรกิจอื่นเพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
641
กับดักประเทศไทย! เน้นเสพ.. ไม่สร้าง เน้นซื้อ.. ไ..
582
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
534
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
474
ยอดวิวคือพลังการตลาด! ปั้มวิว TikTok ให้แฟรนไชส์..
462
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
455
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด