บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
7.1K
3 นาที
22 ธันวาคม 2559
7 การตลาดสุดล้ำ เห็นแล้วดีต่อใจ! ใช่เลย


ในปี 2017 คาดว่าจะเป็นอีกปีที่กลยุทธ์การตลาดจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

จากอดีตที่เคยใช้การโฆษณาทางตรงเน้นการสื่อสารให้ผู้บริโภครู้จักสรรพคุณของสินค้าก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยใหม่ที่หันมาใช้ไอเดียกันมากขึ้นในปี 2016 เองก็มีโฆษณาหลายแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์ติดไอเดียนี้นำเสนอสินค้าสู่สายตาผู้บริโภค แน่นอนว่าข้อดีของกลยุทธ์นี้คือความแปลกใหม่ที่ทำให้จดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
 
แต่ทั้งนี้การใช้โฆษณาผสมผสานไอเดียนี้ก็ถือเป็นนวัตรกรรมทางความคิดที่ต้องครีเอทกันมากพอสมควรถ้าทำออกมาได้ไม่ดีแทนที่จะสร้างการจดจำอาจกลายเป็นผลทางลบต่อแบรนด์ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มี 7สินค้าที่สามารถใช้การตลาดสุดล้ำนี้อย่างได้ผลและถือเป็นโฆษณาที่เรียกว่าไอเดียสุดบรรเจิดทีเดียว 
 
1. L’Oreal Japan สร้าง “เสียงเพลง” จากเส้นผม

ที่ผ่านมาเราเคยตรวจสภาพเส้นผมเพียงใช้แค่การสัมผัสว่าเส้นผมมีอาการแห้งเสียมากน้อยแค่ไหนแต่ L’Oreal Japan ต้องการให้เป็นมากกว่านั้นจึงพัฒนาเทคโนโลยีให้ลูกค้าทุกท่านสามารถรับรู้ปัญหาเส้นผมออกมาเป็นเสียงเพลงได้เลยทีเดียวโดยการสร้างเสียงเพลงจากเส้นผมนี้

L’Oreal ได้พัฒนาเซนเซอร์สแกนสำหรับรอบเส้นผมจากรากจรดปลาย แล้วให้อัลกอริธึมแปลงข้อมูลที่ได้จากการสแกนเส้นผมนั้นไปเป็นเสียงเพลง

ซึ่งถ้าผมเสียหนักมาก ก็จะเป็นเพลงจังหวะดุดันสักหน่อย แต่ถ้าผมลื่นเป็นเงางามก็จะเป็นเพลงที่มีท่วงทำนองอ่อนหวาน ฟังแล้วรู้สึกปลอดโปร่ง ซึ่งทาง L’Oreal เห็นว่า การใช้เพลงเป็นวิธีในการส่งสารที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งให้ผู้บริโภคได้รับรู้ และช่วยให้ร้านซาลอนต่างๆ สามารถดึงผู้บริโภคเข้าสู่วิธีดูแลผมด้วยทรีตเมนต์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

2. Window Wonderland ของ Google นวัตกรรม รวมตู้โชว์หน้าร้านค้าปลีกไว้ใน VR Tour 

ในนิวยอร์คจะมีตู้โชว์หน้าร้านที่เรียกว่า Window Display ยิ่งในช่วงเทศกาลอย่างคริสต์มาสหรือปีใหม่ตู้โชว์เหล่านี้จะถูกสร้างสรรค์อย่างสวยงามละลานตาเต็มเมือง เป็นเป้าหมายที่ใครหลายคนอยากไปสัมผัสสักครั้ง

ทาง Google จึงหยิบเอาปัญหาของคนที่อยากไปนิวยอร์คช่วงนี้แต่มีปัญหาด้านการเดินทางกลายมาเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า Window Wonderland ที่ Google ลงมือถ่ายภาพตู้โชว์เหล่านี้เพื่อให้นักท่องเน็ตทั่วโลกสามารถทัวร์เมืองนิวยอร์กได้ผ่านเทคโนโลยี VR ท่ามกลางรอยยิ้มของแบรนด์ค้าปลีกอย่าง Macy’s และ Bloomingdale’s ที่สามารถส่งผลงาน Window Display สู่สายตาชาวโลกได้มากขึ้น

นอกจากนี้ เทคโนโลยี VR ยังทำให้ผู้ชมได้รับฟังเสียงและความสมจริงของแสงสีแห่งความสนุกผ่านอุปกรณ์อย่าง Google Cardboard หรือชุดอุปกรณ์ของ Google อย่าง Google View
 
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ชาว VR จะสามารถซูมดูตู้ display เหล่านี้ได้ใกล้เหมือนยืนอยู่หน้าร้าน พร้อมกับฟังเสียงแนะนำจากทีมสร้างสรรค์ของร้านค้าเหล่านี้ว่ามีแรงบันดาลใจใดในการเนรมิตผลงานอลังการขึ้นมาได้อีกด้วย

3. WelectGo ผุดไอเดีย ดูโฆษณาแลก “ตั๋วรถบัส-รถไฟ” ฟรี
 
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีกับคำว่าของฟรีไม่มีในโลกแต่งานนี้อาจต้องยกเว้นความคิดกันสักพักเพราะบริษัทชื่อดังในเยอรมันนีอย่าง WelectGo ได้ผุดไอเดียเสนอตั๋วรถไฟและตั๋วรถบัสให้ฟรีแลกกับการดูโฆษณาตามที่บริษัทระบุไว้โดยผู้ที่สนใจรับตั๋วโดยสารฟรีจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและดูโฆษณาความยาว 20 วินาทีติดต่อกัน 4 ตัว หรือก็คือ 80 วินาที ก็จะได้รับตั๋วรถไฟหรือตั๋วรถบัสมูลค่า 2.60 ยูโรส่งตรงเข้ามาให้ผ่านแอปพลิเคชัน

ซึ่งผู้ใช้งานจะมีเวลาให้ 90 นาทีในการใช้ตั๋วนั้นๆแต่ถ้าผู้ใช้งานมีเวลาดูโฆษณาได้นานๆ เช่น นั่งดูสักชั่วโมง ราคาตั๋วโดยสารที่ได้รับตอบแทนกลับมาก็อาจมีมูลค่าสูงถึง 120 ยูโร จึงไม่น่าแปลกที่มีผู้สนใจใช้งานแอปพลิเคชันนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

รวมถึงผู้สนใจลงโฆษณาผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Ikea, eBay, Huawei, Subway และอื่นๆอีกมากมายกลายเป็นรายได้ที่เข้ามาจากความคิดที่สุดบรรเจิดนี้ได้เป็นอย่างดี
 
4.Lidl ซูเปอร์มาร์เก็ตจากเยอรมันจัดแคมเปญ Social Price Drop

ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเยอรมันอย่าง Lidl เปิดตัว “Social Price Drop” แคมเปญลดราคาสินค้าส่งท้ายปลายปีที่น่าจะได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งบริษัท ลูกค้า และ “Twitter”แคมเปญนี้กำหนดไว้ว่า ยิ่งสมาชิกของซูเปอร์มาร์เก็ตมีการทวีตเกี่ยวกับสินค้าพร้อมติดแฮชแท็ก #LidlSurprises บ่อยเท่าไร สินค้าตัวนั้นก็ยิ่งลดราคามากเท่านั้น
 
โดยแคมเปญดังกล่าวได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และสินค้าชิ้นแรกที่เข้าร่วมคือ “คริสต์มาสล็อบสเตอร์” ราคา 5.99 ปอนด์ โดยจะมีการเปิดตัวสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญทุกๆ วันจันทร์ ส่วนสินค้าที่ลดราคานั้นจะวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตในวันศุกร์ และทางห้างมองว่า นี่เป็นการมอบอำนาจให้กับลูกค้าในการกำหนดราคาสินค้าได้ด้วยตัวเองด้วย

5. “Out of Office” ระบบตอบเมลอัตโนมัติของ Qantas

สายการบิน Qantas ของออสเตรเลียมีบริการดีๆ แถมฟรีอีกต่างหากให้ทดลองใช้งานกัน ในชื่อบริการว่า “Out of Office” โดยเป็นการจับมือร่วมกับ Instagram พัฒนาระบบตอบเมลอัตโนมัติที่สุดแสนจะน่าสนใจ เพราะมันไม่ใช่ระบบตอบเมลอัตโนมัติแบบน่าเบื่อๆ ที่เราเคยเห็นกัน

แต่มันจะดึงภาพถ่ายสถานที่ที่คุณไปและอัพขึ้น Instagram แนบไปพร้อมกับเมลนั้นๆ ด้วยโดยผู้ใช้งานต้องเข้าไปกรอกอีเมล และข้อมูลการเดินทาง ว่าจะเดินทางไปประเทศ หรือเมืองใด วันที่เท่าไรบ้าง

รวมถึงข้อความที่ต้องการให้ Reply กลับในเว็บไซต์ของ QantasOutOfOffice จากนั้น ในระหว่างการท่องเที่ยว หากผู้ใช้งานอัปโหลดรูปขึ้น Instagram และติดแฮชแท็ก #qantasoutofoffice ระบบก็จะดึงภาพเหล่านั้นมาส่งไปพร้อมกับอีเมลแทนตัวเจ้าของในช่วงที่ลาพักร้อนได้ทันที ถือเป็นการจับคู่ที่ถูกฝาถูกตัวทีเดียว
 
6. Amazon Go แค่เดินหยิบของ แล้วเดินกลับบ้านได้เลย

เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาสร้างการตลาดให้คนสามารถซื้อสินค้าได้แบบไม่ต้องเสียเวลา นั้นคือการใช้บริการของ Amazon ที่ชื่อ Amazon Go โดยใช้หลักการที่เรียกว่าJust Walk Out Experience ด้วยการใช้แอป Amazon Go เดินผ่านประตูพิเศษ เพื่อให้คนทำการสแกนแอป ก่อนที่จะเริ่มหยิบสินค้า

ด้วยเทคโนโลยีในการจับความเคลื่อนไหวของสินค้าว่าสินค้าชิ้นไหนถูกหยิบออกจากชั้น หรือสินค้าถูกเก็บเข้าไปที่ชั้นวางคืน ทุกอย่างจะถูกบันทึกลงในรถเข็น virtual cart พอออกจากร้านก็รอรับใบเสร็จที่ส่งเข้าไปในบัญชีของ Amazon ได้เลยทันที ถือเป็นการตลาดแบบล้ำหน้าที่ทำให้คนสนใจและเลือกใช้บริการกันเป็นจำนวนมากทีเดียว

7. starbucks ขายแก้ว IoT ปรับอุณหภูมิกาแฟได้ผ่านแอปพลิเคชัน

แก้วปรับอุณหภูมิอย่าง IoT ไม่ใช่หาซื้อกันได้ง่ายๆแต่ starbucks ทำให้ง่ายขึ้นกับการสร้างแอพพลิเคชั่นที่ทำให้คนสนใจสามารถสั่งซื้อสินค้าตัวนี้ได้ทันทีโดยที่ผ่านมาแก้ว IoTซึ่งผลิตโดย Ember วางจำหน่ายในราคา 150 เหรียญสหรัฐ

ซึ่งก็จัดว่าแพงมากเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆแต่ทั้งนี้คนก็สนใจสินค้ากันมากแต่ทว่าคนที่อยากได้ต้องมาซื้อที่ร้าน Starbuck เพียงช่องทางเดียว ซึ่งแอพพลิเคชั่นนี้คือการเพิ่มช่องทางตลาดที่สร้างรายได้ให้กับ starbucks ได้มากขึ้นนั่นเอง
 
เห็นการตลาดที่น่าสนใจเหล่านี้แบรนด์สินค้าของประเทศไทยก็มีไม่น้อยที่คุณภาพสินค้าน่าสนใจถ้าหากพัฒนาไอเดียทางการตลาดให้บรรเจิดยิ่งขึ้น อาจจะดูเหมือนเป็นต้นทุนที่มากสักหน่อยแต่ในระยะยาวถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่าเพราะผู้บริโภคในปัจจุบันอยากเห็นอะไรที่แปลกใหม่น่าสนใจยิ่งสังคมเปลี่ยนความต้องการเปลี่ยนการตลาดก็ต้องก้าวล้ำนำหน้าด้วยเช่นกัน
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
793
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
710
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
641
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
522
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
439
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
421
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด