บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
7.5K
2 นาที
23 สิงหาคม 2561
6 วิธีใช้ Cause-Related Marketing การตลาดเชิงเอาใจใส่สังคม
 
การทำธุรกิจมีทั้งตลาดทางตรงและตลาดทางอ้อม การลงทุนในการตลาดทางอ้อมอาจไม่ได้หวังผลที่จะเกิดขึ้นทันทีทันใด หากแต่หวังผลในระยะยาวหรืออาจจะหมายถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดกับองค์กร ซึ่งหากลูกค้ารู้สึกดีและเชื่อมั่นกับแบรนด์ก็จะตอบสนองต่อสินค้าดีตามไปด้วย
 
www.ThaiFranchiseCenter.com เคยนำเสนอกลยุทธ์การตลาดทั้งทางตรงและทางอ้อมไปมากมาย ในวันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่มาแบบอ้อมๆ แต่หากใช้ให้เป็นจะเกิดประโยชน์กับธุรกิจอย่างมาก การตลาดแบบนี้เขาเรียกว่า “การตลาดเชิงเอาใจสังคม” หรือ Cause-Related Marketing 
 
Cause related marketing หรือ เรียกสั้นๆ ว่า Cause marketing หมายถึงการตลาดที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเมื่อมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นที่เป็นเหตุการณ์ปัญหาเร่งด่วน HOT EMERGENCY ISSUES ในขณะนั้น ที่ผ่านมาเราเองอาจไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลายแบรนด์เคยทำการตลาดแนวนี้มาก่อน เพราะในชั่วโมงเร่งด่วนเป็นตายเช่นนั้นคงไม่มีใครมานั่งจดจำว่าใครทำอะไรกันบ้าง มารู้ตัวอีกทีก็จดจำแบรนด์เหล่านั้นติดตาและรู้สึกดีกับแบรนด์เหล่านั้นมากขึ้นเรียบร้อย
 
อย่างเหตุการณ์ในประเทศไทยหลายอย่างที่สามารถเป็น Cause marketing เช่นสึนามิที่ภาคใต้ , น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 หรือกระทั่งล่าสุดคือภารกิจช่วยน้องๆทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน

ภาพจาก goo.gl/vRj7Wc
 
ยกตัวอย่างในเหตุการณ์ล่าสุดเราจะเห็นว่ามีธุรกิจหลายภาคส่วนที่เข้ามาร่วมมือกันในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น
  • ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ให้บริการกระแสไฟฟ้าฟรีตั้งแต่วันแรก
  • แอร์เอเชียให้บริการเดินทางฟรีสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ต้องเดินทางไปช่วยเหลือที่จังหวัดเชียงราย
  • KFC ที่ประกาศให้ทีมหมูป่าอะคาเดมี่กินไก่ทอดได้ฟรี
  • หรือแม้แต่แบรนด์ต่างๆ ที่นำอาหารและเครื่องดื่มไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยซีล เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและผู้คนต่างๆ คือ กิจกรรม Cause marketing ทั้งสิ้น
คำถามคือการที่แบรนด์ทำแบบนี้คือมุ่งหวังผลประโยชน์ใช่หรือไม่! คำตอบอาจพูดได้ไม่เต็มปากว่าใช่ เนื่องเพราะขณะนั้นเป็นสถานการณ์ที่ฉุกเฉินและต้องการความช่วยเหลือในทุกรูปแบบ

ภาพจาก goo.gl/bNbhBT

แบรนด์ต่างๆ ก็อาจต้องการเข้าร่วมช่วยเหลือแบบที่ไม่ได้คิดอะไรส่วนคำชื่นชมหรือการยกย่องที่ตามมาในภายหลังอาจเป็นแค่ผลพลอยได้ แต่โดยหลักการแล้ว Cause marketing คือการแสดงตนว่าเป็นแบรนด์ที่ดีมีบทบาทในสังคมและมีการคืนกำไรให้สังคมไม่ใช่มุ่งแต่แสวงหากำไรจากประชาชนเพียงอย่างเดียว
 
อย่างไรก็ดีการจะใช้ Cause-Related marketing อย่างได้ผลนั้นมีหลักการสำคัญอยู่ 6 ประการคือ
 
1.เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการจะยิ่งเสริมภาพลักษณ์ให้เด่น
 
ภาพจาก goo.gl/yH6kq4

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ อย่างกรณีสึนามิที่ภาคใต้ สินค้าที่คนต้องการคือพวกยารักษาโรค ที่พักอาศัย อาหาร ซึ่งแบรนด์ที่ตอบโจทย์ในสิ่งเหล่านี้จะได้รับการพูดถึงมาก ส่วนบริการหรือสินค้าในลำดับอื่นๆที่ช่วยเหลือเหมือนกันแต่อาจได้รับการพูดถึงที่น้อยกว่า
 
2.ต้องช่วยแบบไม่หวังผล
 
อย่าลืมว่า Cause-Related marketing ไม่ใช่การขายและไม่สามารถหวังผลกำไรได้ขณะนั้นสิ่งที่ต้องคิดคือช่วยเหลือให้ทุกคนรอดปลอดภัย ห้ามคิดเรื่องกำไร หรือรายได้ หรือจะได้รับอะไรตอบแทนกลับมาอันจะเป็นการทำให้คนมองแบรนด์แย่ลงไป
 
3.ไม่มีสินค้าก็แทรกแบรนด์หรือโลโก้เข้าไป
 
ภาพจาก goo.gl/CsvbEu

ในบางกรณีภาคธุรกิจอาจไม่ได้มีสินค้าหรือบริการที่เป็นความต้องการของการช่วยเหลือ สิ่งที่ทำได้คือใช้สีหรือโลโก้บนเสื้อผ้า และอาจใช้การแจกเสื้อผ้าสำหรับปฏิบัติงานก็เป็นอีกรูปแบบของ Cause-Related marketing เช่นกัน
 
4.ยิ่งพลิกแพลงคนยิ่งจำ
 
บางครั้งสถานการณ์ฉุกเฉินสิ่งที่ต้องการคือความแปลกใหม่หรือไอเดียใหม่ๆ ซึ่งเรียกว่าเป็น Innovation ของแบรนด์ เช่น อาหารรูปแบบใหม่ การช่วยเหลือแบบใหม่ ที่พักอาศัยแบบใหม่ ฯลฯ จะทำให้ประชาชนรู้สึกต่อแบรนด์ว่ามีคุณค่ายิ่งขึ้น
 
5.รีบทำทันที
 
ภาพจาก goo.gl/Diju7c

ในกรณีที่เกิดเหตุใดๆก็ตาม การจะใช้ Cause-Related marketing ได้ผลเราควรรีบทำลงพื้นที่ทันที ยิ่งเป็นเจ้าแรกที่เข้าถึงพื้นที่ได้จะยิ่งดีมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมานั่งผ่านความเห็นชอบหรือประชุมกันกว่าจะผ่านความคิดเห็น ซึ่งมันช้าเกินไปและไม่แสดงออกถึงความจริงใจที่แท้จริง
 
6.ช่วยเหลือให้เต็มที่สุดกำลัง

การทำ Cause-Related marketing ต้องทุ่มเทจนกว่าภารกิจนั้นๆ จะแล้วเสร็จ ต้องช่วยเหลือต่อเนื่องไม่ใช่มาแค่วันสองวันแล้วก็หายไปหรือมาโผล่เอาวันท้ายๆ ที่ภารกิจคลี่คลายไปได้เยอะแล้ว ความจริงใจและการแสดงออกที่ชัดเจนว่าต้องการช่วยเหลือนั้นคือ Cause-Related marketing ที่ได้ผลแท้จริง
 
ทั้งนี้การเอาสถานการณ์ฉุกเฉินมาเป็นเครื่องมือการตลาดอาจไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง ธุรกิจควรรู้สึกว่าอยากมาช่วยด้วยใจจริงไม่ใช่มาเพราะหวังผลกำไร ไม่ใช่มาเพราะอยากสร้างภาพ

ซึ่งการมาช่วยแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่เต็มที่นอกจากไม่ช่วยอะไรยังกลายเป็นภาระมากกว่า การปรากฏตัวในสถานการณ์ฉุกเฉินของแบรน์ไม่ได้หมายความว่าเป็น Cause-Related marketing เพราะผลของการตลาดแนวนี้จะวัดได้จากความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อแบรนด์ผ่านการกระทำของธุรกิจที่เชื่อว่าทุกคนดูออกว่างานนี้จริงใจหรือไก่กากันแน่
 

SMEs Tips
  1. เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการจะยิ่งเสริมภาพลักษณ์ให้เด่น
  2. ต้องช่วยแบบไม่หวังผล
  3. ไม่มีสินค้าก็แทรกแบรนด์หรือโลโก้เข้าไป
  4. ยิ่งพลิกแพลงคนยิ่งจำ
  5. รีบทำทันที
  6. ช่วยเหลือให้เต็มที่สุดกำลัง
สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด