บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.4K
2 นาที
2 เมษายน 2563
เขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีผลกระทบต่ออีคอมเมิร์ซไทยอย่างไร
 
หลังการประกาศราชกิจจานุเบกษาเรื่องการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ในเขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  หรือ EEC มีหลายคนให้ความสนใจว่าจะมีผลกระทบในด้านใดต่ออีคอมเมิร์ซไทยบ้าง
 
สิ่งหนึ่งที่ภาครัฐได้พยายามกระตุ้นให้เกิดขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC คือการพยายามที่จะทำให้เป็นพื้นที่อีคอมเมิร์ซ และอย่างที่ทราบกันว่าอาลีบาบาได้มาลงทุนในประเทศไทยหลัก ๆ ก็คือการซื้อกิจการของ Lazada นั่นเท่ากับการได้เป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซเบอร์ต้น ๆ ของไทยแล้ว 
 
นอกจากนั้นอาลีบาบายังได้เข้ามาลงทุนใน EEC ซึ่งเป็นการลงทุนในด้าน Infrastructure เช่น การสร้างแวร์เฮ้าส์เพื่อเป็นที่เก็บสินค้าของอีคอมเมิร์ซ และที่นี่จะเป็นจุดสำหรับกระจายสินค้าให้ออกไปทั่วอาเซียน 


ภาพจาก bit.ly/39CX1p9
 
ที่ผ่านมาประเด็นที่เราไม่ค่อยได้พูดถึงกันคือสินค้าจากเมืองจีนที่จะเข้ามาจอดกองอยู่ที่เมืองไทย ส่วนใหญ่มักพูดถึงแต่ว่าพื้นที่นี้จะเป็น free trade zone ที่จะกระจายสินค้าออกไปยังที่อื่น ๆ แต่ในมุมกลับกันสินค้าเหล่านี้เองก็จะเทเข้ามาในไทยด้วยเช่นกัน ประเด็นนี้ผมเคยคุยมานานแล้ว
 
การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่มีแวร์เฮ้าส์ใน EEC ไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรขาเข้า ซึ่งตามปกติการนำสินค้าเข้ามาในประเทศไทยต้องมีการเสียภาษีศุลกากรขาเข้า แต่ทางอาลีบาบาต้องการใช้เป็นที่พักสินค้าไว้ก่อนเพื่อส่งออกต่อไปยังอาเซียนหรือกลุ่ม CLMV ฉะนั้นจึงมีการออกพื้นที่พิเศษขึ้นมาซึ่งก็คือ free trade zone นี้เอง


ภาพจาก bit.ly/3dN5BES
 
พื้นที่ตรงนี้เหมือนเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่นอกประเทศแม้จะอยู่ในประเทศ สินค้าที่มาอยู่ในพื้นที่นี้จะยังไม่ถูกคิดค่าศุลกากรขาเข้า ซึ่งจริง ๆ แล้วพื้นที่พิเศษแบบนี้ก็มีอยู่หลายที่ เช่น พื้นที่ที่อยู่ใกล้ ๆ สนามบินสุวรรณภูมิก็มีลักษณะเช่นนี้ จะยังไม่มีการคำนวณภาษีศุลกากรเพราะถือว่าเป็นพื้นที่ที่ให้เอาสินค้ามาพักไว้ก่อน ยังไม่มีการซื้อขายในประเทศ
 
ใน EEC ก็มีพื้นที่ Free Trade Zone และเป็นพื้นที่ของอาลีบาบา โดยเมื่อมีการนำสินค้าเข้ามาแล้วและถูกขายออกไปในประเทศไทย ตามปกติจะต้องมีการเสียภาษีศุลกากรขาเข้า แต่ถ้าผู้ซื้อมีการปฏิเสธและส่งสินค้าคืน เท่ากับว่าสินค้าชิ้นนั้นถูกส่งกลับเข้าไปใน Free Trade Zone อีกครั้งหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขว่าหากเกิดขึ้นภายใน 14 วัน ของชิ้นนั้นจะไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร ซึ่งตรงนี้ก็จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ไปลงทุนใน EEC ทำให้มีข้อได้เปรียบมากขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการที่สินค้านำเข้ามาแล้วส่งออกไป แล้วกลับเข้ามาได้อีกครั้งหนึ่งด้วยเหมือนกัน 
 
ความยืดหยุ่นตรงนี้ทำให้ผู้ค้าที่สนใจจะมาค้าในไทยโดยเฉพาะในรูปแบบอีคอมเมิร์ซต้องมีที่พักสินค้าเป็นการลดต้นทุนได้ 
 
ผมขอยกตัวอย่างเช่น จากเดิมเรานำโทรศัพท์มือถือเข้ามาขายต่อหรือเป็นตัวแทนนำเข้ามาในประเทศไทย 1,000 เครื่อง ราคาเครื่องละ 10,000 บาท จะเสียภาษีศุลกากรขาเข้าสมมติว่า 200 บาท ทั้ง 1,000 เครื่องเลย ซึ่งเท่ากับจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นมาแล้ว 
 
แต่ถ้าเป็นยักษ์ใหญ่เอาโทรศัพท์มือถือเข้ามากองอยู่ใน EEC ก่อน 1,000 เครื่องเท่ากันในราคาเท่ากัน เมื่อมีผู้ซื้อโทรศัพท์ 1 เครื่องในราคา 10,000 บาท เสียภาษีศุลกากรเหมือนกัน 200 บาท แต่จะเสียเพียงแค่เครื่องเดียวเฉพาะชิ้นที่ขายจริง แต่หากว่าผู้ซื้อปฏิเสธภายใน 14 วัน โทรศัพท์เครื่องนี้จะคืนกลับมาที่ Free Trade Zone อีกทีหนึ่ง ภาษีศุลกากรที่เคยเสียไปจะโดนยกเลิกได้ แต่หากเกิน 14 วันผมเข้าใจว่าต้องเสียภาษีศุลกากร 


ภาพจาก bit.ly/2xMBBZd
 
ซึ่งปกติแล้วหากลูกค้าที่จะปฏิเสธมักจะไม่เกิน 7 วัน ซึ่งระยะเวลา 14 วันนั้นครอบคลุมอยู่ ตอนนี้คนไทยนิยมซื้อสินค้าและจ่ายเงินปลายทาง เท่าที่ผมดูในท้องตลาดนั้นค่าเฉลี่ยของการคืนสินค้าหรือปฏิเสธการรับสินค้าจะอยู่ประมาณที่ 5% นั่นหมายถึงผู้ค้าที่นำสินค้าไปกองไว้ที่ EEC ก็จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าเพราะว่าเป็นการเสียภาษีเป็นชิ้น ๆ และหากสินค้าชิ้นนั้นตีกลับไปก็ไม่ต้องเสียภาษีชิ้นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการคนไทยที่นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย นำเข้ามาล็อตใหญ่ ๆ ที่ต้องเสียศุลกากรทั้งหมดเลย
 
แต่หากถามว่าได้เปรียบเยอะไหม จริง ๆ ก็ไม่ได้เยอะมาก พราะสัดส่วนของการคืนสินค้าไม่มากเท่าไหร่ เข้าใจว่าที่ภาครัฐคงพยายามออกกฎหมายนี้มาเพื่อเอื้อประโยชน์อะไรให้เขาบ้าง เพราะเขาเองก็อุตส่าห์แบกเงินมาลงทุนในบ้านเราเป็นหมื่น ๆ ล้าน
 
ส่วนการยกเว้นอากร 13 ปีที่หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกันแต่จริง ๆ แล้วเป็นคนละเรื่องกัน ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องของภาษีนิติบุคคล ซึ่งผมเข้าใจว่า BOI ยกเว้นภาษีในส่วนนิติบุคคลให้ ฉะนั้นภายใน 13 ปีหรือช่วงเวลาหนึ่ง เขามีรายได้เท่าไหร่เขาก็ไม่ต้องเสียภาษีให้กับภาครัฐเพราะถือว่าอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ 
 
ต้องบอกว่าการให้สิทธิพิเศษแบบนี้ BOI ให้เป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะหากคุณทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีหรือธุรกิจที่ภาครัฐต้องการส่งเสริมเป็นพิเศษ ภาครัฐจะมีมาตรการตัวนี้ออกมาเพื่อกระตุ้นให้คนเข้ามาทำธุรกิจประเภทนี้มากขึ้น จริง ๆ คุณสามารถขอ BOI ได้ และผมเชื่อว่าใครที่ทำอยากทำธุรกิจใหม่ ๆ และคิดว่าน่าจะทำกำไรแน่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม S-Cruve อยากแนะนำว่าให้ไปขอ BOI ดู คุณจะได้สิทธิพิเศษหลาย ๆ อย่าง 
 
ทำไมต่างชาติอยากมาลงทุนในประเทศไทย คำตอบคือเขาจะได้รับรายได้เต็ม ๆ ภาครัฐไม่เก็บภาษี นี่เป็นนโยบายจูงใจอย่างหนึ่งที่ให้เขาเข้ามาลงทุนมากขึ้น นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงเว้นภาษีให้ อาจดูเหมือนว่าเขาก็ได้ประโยชน์มากกว่าเราเพราะรัฐส่งเสริมเหลือเกิน แต่มองอีกมุมหนึ่งรัฐก็อยากให้มีเม็ดเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยด้วยเหมือนกัน
 
แต่การลงทุนของธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากจีนนั้นผมว่ามีความน่ากังวลมากกว่าของพวกญี่ปุ่นที่มาตั้งโรงงานผลิตต่าง ๆ มันจะไม่เหมือนกัน เพราะการลงทุนของอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบานั้นจะมาลงทุนเรื่อง Infrastructure แม้ว่าสิ่งที่เขาบอกคือจะเอาสินค้าไทยเข้ามาอยู่ในนี้และกระจายออกไปสู่จีน แต่ในมุมกลับกันการลงทุนใน Infrastructure เหล่านี้มันเหมือนเป็นการลงทุนมาใช้พื้นที่ของเราเท่านั้น และเอาสินค้าจีนเข้ามาเทกองไว้ในพื้นที่ตรงนี้ ซึ่งต่างจากญี่ปุ่นที่เป็นการตั้งโรงงาน จ้างคน ผลิตแล้วให้เราเป็นฐานส่งออก ซึ่งแตกต่างกันเป็นคนละโมเดลเลย
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
เทคนิคสร้างยอดขาย สินค้านิยมต่ำ กำไรสูง
1,686
5 อันดับ โรงงาน OEM รับผลิตครีม ผลิตเครื่องสำอาง..
993
แก่น CJ More ทำธุรกิจกำไรให้กำไร
902
กลยุทธ์ลดราคา! ร้านค้าปลีกปั้น House Brand ถัวเฉ..
608
กลยุทธ์ Hotelling model เปิดร้านข้างคู่แข่ง มีแต..
578
เปิดร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ ..
566
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด