เมื่อไหร่ที่ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าของเราราคาแพง สิ่งที่ควรเปลี่ยนก็คือ ความรู้สึกและมุมมองของลูกค้าต่อสินค้าของเรา ซึ่งหน้าที่สำคัญของเรา ก็คือ ทำให้ลูกค้ารู้สึกและรับรู้ว่าสินค้าของเราคุ้มค่า และเหมาะสมกับราคาที่ตั้งไว้ หรือสร้างความรู้สึกว่าสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าได้รับไปนั้น เป็นราคาที่ถูกต้องเหมาะสมจริงๆ โดยที่ลูกค้าไม่รีรอที่จะควักเงินออกจากกระเป๋า

 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีเคล็ดลับการขายของแพง แต่ลูกค้ายังเต็มใจจ่าย มานำเสนอให้ทราบ 

 

ภาพจาก bit.ly/2SIUunr

 

หากคุณภาพสินค้าดี มีมาตรฐาน ตอบโจทย์ลูกค้า ถึงจะราคาแพงลูกค้าก็ยอมจ่าย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกซื้อสินค้าที่คุณภาพมากกว่า หากสินค้าราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพ ลูกค้าก็ไม่อยากซื้อ

 

 

พนักงานร้านหรือเจ้าของร้านที่พูดจาดี ใส่ใจทุกรายละเอียดของลูกค้า จดจำได้กระทั่งลูกค้าชอบหรือซื้อสินค้าตัวไหน หรือชอบทานอะไร เพียงแค่นี้ลูกค้าก็รู้สึกอยากเข้าไปใช้บริการอีกครั้งแล้ว แม้ร้านจะขายแพงก็ตาม หรือถ้าสินค้าซื้อไปแล้วมีบริการหลังการขาย ซ่อมให้ฟรีถึงบ้าน ไม่ทอดทิ้งลูกค้า ช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้า เพียงแค่นี้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่นใจ 

 

ภาพจาก bit.ly/3lkLf8S

 

เมื่อลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าของสินค้าหรืออาหารที่ซื้อ แม้จะมีราคาแพง ลูกค้าก็ต้องอยากซื้อ เต็มใจจ่าย เพราะซื้อแล้วสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า ถ้าเป็นร้านอาหารหากลูกค้ากินแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาหารอร่อย เมนูมีหลากหลาย ลูกค้าก็พร้อมที่จะเข้าไปใช้บริการ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น แม้จะแพง แต่คนไทยก็ยังไปใช้บริการจำนวนมาก หรือธุรกิจแฟรนไชส์ราคาแพงๆ อย่างคาเฟ่อเมซอน หรือ 7-11 แม้ค่าแฟรนไชส์และการลงทุนจะราคาแพงหลักล้านบาท แต่คนนิยมลงทุนจำนวนมาก  

 

ภาพจาก bit.ly/3iECRPP

 

ของแพงไม่จำเป็นจะต้องขายยากเสมอไป ขณะที่ของถูกก็ไม่ได้จะขายได้ง่ายตลออดไป ทำไมกาแฟสตาร์บัคส์ถึงขายได้ถึงแก้วละ 150 บาท ในขณะที่ร้านกาแฟเล็กๆ ขายถูกกว่ามากยังไปไม่รอด นั่นเป็นเพราะสตาร์บัคส์ให้ลูกค้ามากกว่ากาแฟ ในเรื่องของการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ และสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปในร้านจะต้องพบกับกลิ่นกาแฟหอมๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงชื่อกาแฟ ที่สร้างความรู้สึกแก่ลูกค้าได้ว่านี่ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟทั่วไป 

 

ภาพจาก bit.ly/3iwAn6l

 

สินค้าบางอย่างมีมูลค่ารวมสูงจนทำให้ลูกค้ารู้สึกไปว่าแพง แต่ถ้าเลือกที่จะเสนอราคาให้ลูกค้าเฉลี่ยเป็นต่อวัน หรือต่อเดือนจะทำให้สินค้าดูมีราคาถูกลงไปมาก วิธีแบบนี้พบมากในบริษัทประกัน จะเห็นได้ว่าบริษัทประกันส่วนใหญ่ มักโฆษณาว่าทำประกันวันนี้ คิดแล้วเสียเงินเพียงวันละ 20 บาทเท่านั้น ดูๆ ไปแล้วลูกค้าก็จะรู้สึกว่าแค่วันละ 20 บาท ถือเป็นราคาที่ถูกมาก แต่พอมารวมตัวเลขจริงแล้ว ต้องจ่ายถึงปีละ 7,300 บาทเลยทีเดียว นอกจากการขายประกันแล้ว นี้วิธีนี้ยังเป็นที่นิยมมากในธุรกิจบริการอื่นๆ เช่น สมัครสมาชิกฟิตเนส, ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ, การจ่ายค่าเช่า โปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ เป็นต้น

 

ทั้งหมดเป็น 5 เคล็ดลับขายของแพง แต่ลูกค้าเต็มใจจ่าย เมื่อไหร่ที่ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่า ตอบโจทย์ตัวเอง จะควักเงินซื้อทันที 

 

 

 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)