บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
1.3K
2 นาที
3 พฤษภาคม 2565
รายได้แค่ไหน? ถึงจะพอใช้ในยุคนี้
 

สิ่งที่น่ากลัวพอๆกับโควิดก็คือค่าครองชีพที่สูงสวนทางกับรายได้ที่เท่าเดิม หลายคนตั้งคำถามจะเป็นโควิดก่อนหรือจะอดตายก่อน ยิ่งยุคนี้เงินทองก็หายาก จึงมีคนตั้งคำถามว่า รายได้แค่ไหน ถึงจะพอใช้ในยุคนี้ ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่าเป็นเรื่องที่พูดยากเพราะมาตรฐานความเป็นอยู่และความคาดหวังของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน

ยกตัวอย่างถ้ามีเงิน 1 ล้านบาทสำหรับบางคนอาจเป็นก้อนใหญ่มากแต่สำหรับบางคนอาจเห็นเป็นเงินก้อนเล็กนิดเดียว ใช้ได้ไม่นานก็หมด ดังนั้นหากจะสนทนากันในหัวข้อนี้ก็ขอใช้ภาพรวมในเกณฑ์เฉลี่ยมาเป็นบรรทัดฐานเพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดมากขึ้น
 
เงินเดือนเฉลี่ยคนทำงานส่วนใหญ่ พอใช้ในยุคนี้หรือไม่?
 

เราขออ้างอิงจากข้อมูลของบรรดามนุษย์เงินเดือนเป็นหลัก ซึ่งระบุว่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนไทยอยู่ประมาณ 19,430 บาท (ขอย้ำว่าเป็นเงินเดือนเฉลี่ย ซึ่งบางคนอาจมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ก็ได้) แต่ค่าครองชีพโดยเฉพาะการอยู่ในกรุงเทพฯเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 27,485 บาท

จะเห็นว่าตัวเลขค่าครองชีพนี้สูงกว่าเงินเดือน ซึ่งเป็นค่าครองชีพที่คิดรวมจากค่าน้ำมันรถ , ค่าเดินทาง , ค่าเช่า(กรณีที่ยังไม่ได้ซื้อบ้าน) หรือบางคนมีค่างวดในการผ่อนชำระทั้งรถยนต์ , บ้าน รวมถึงบัตรเครดิตต่างๆ หากตัดค่าครองชีพใหญ่ๆ ออกไปก็ยังเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ค่าประกันชีวิต ต่างๆ รวมๆแล้วต่อคนก็ยังมีรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท

ยิ่งตอนนี้ต้นทุนวัตถุดิบหลายอย่างปรับราคาเพิ่มขึ้นค่าครองชีพก็ยิ่งสูงมากขึ้นด้วย คำถามว่าเงินเดือนจากค่าเฉลี่ยนี้พอใช้หรือไม่ คำตอบคือส่วนใหญ่ไม่พอใช้ บางคนเดือนชนเดือน ที่จะเหลือกินเหลือเก็บนั้นเป็นเรื่องยาก สำหรับบางคนอาจมีรายได้เสริมจากช่องทางอื่นก็ทำให้แต่ละเดือนอาจมีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายที่คล่องตัวมากขึ้นได้
 
แล้วต้องมีเงินแค่ไหน ถึงจะพอกับค่าใช้จ่ายในยุคนี้?
 

เคยมีการคำนวณตัวเลขของเงินสำหรับคนวัยเกษียณ (คิดจากอายุ 60) ใช้เวลาในการเก็บออมตั้งแต่เริ่มทำงาน (คิดจากอายุ 30) ระบุว่าคนวัยเกษียณควรจะมีเงินอย่างน้อย 6 ล้านบาทสำหรับช่วงบั้นปลายชีวิต แต่คำถามคือแล้วถ้าเป็นตอนนี้ ตอนที่ยังไม่เกษียณจะต้องมีเงินแค่ไหนจึงจะเรียกว่าพอใช้ไม่ขัดสน เรื่องนี้มีสูตรคำนวณได้แก่ สูตรเงินออม = 2 x (อายุปัจจุบัน – อายุเริ่มงาน) x (เงินเดือนปัจจุบัน + เงินเดือนเริ่มงาน)
 
ตัวอย่างเช่นเริ่มทำงานมาตั้งแต่อายุ 22 เงินเดือน 15,000 ตอนนี้อายุ 32 เงินเดือน 30,000 เงินเก็บที่ควรมีในตอนนี้ได้แก่ 2 x (32 – 22) x (30,000 + 15,000) = 900,000 บาท ซึ่งตัวเลขสุดท้ายนี้จะเป็นเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับอายุในการทำงาน ฐานเงินเดือนของแต่ละคนเป็นหลัก แต่ไม่จำเป็นว่าตัวเลขสุดท้ายที่คำนวณได้จะต้องอยู่ในแบบของเงินสดเสมอไปอาจหมายถึงสินทรัพย์อื่นๆ ที่เป็นของเราได้ด้วย เช่น สลากออมสิน , กองทุนรวม , บ้านและที่ดิน เป็นต้น
 
ซึ่งการคำนวณดังกล่าวนี้ทำให้เราพอมองเห็นตัวเลขคร่าวๆ ให้เรารู้ว่าตอนนี้ที่เราทำงานอยู่ กับเงินเก็บที่เรามี หรือเราควรมี ควรจะเป็นเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าหลายคนพอได้คำนวณออกมาตัวเลขที่เห็นกับเงินเก็บที่แท้จริงอาจสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะในความจริงปัจจัยรายจ่ายของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ทั้งนี้ก็มีอีกสูตรในการเก็บเงินที่น่าสนใจด้วย
 
40-30-10-10-5-5 สูตรนี้สำหรับการเก็บเงิน
 

คือการจัดสรรค่าใช้จ่ายออกเป็น 5 กลุ่มและกำหนดจำนวนเงินที่จะใช้ในแต่ละกลุ่ม เช่น ค่าอาหาร และค่าเสื้อผ้า 30% , ค่าใช้จ่ายเพื่อการอยู่อาศัย 40% , ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง 5% , ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ 5% , ค่าเดินทาง 10% , เก็บออม 10%
 
ถ้าคิดจากสูตรนี้คนที่มีเงินเดือน 15,000 จะใช้จ่ายค่าเสื้อผ้าได้ไม่เกินเดือนละ 4,500 บาท , จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์และของใช้ต่างๆ ไม่เกินเดือนละ 6,000 บาท ,จ่ายค่ารถค่าเดินทางได้เดือนละไม่เกิน 1,500 บาท เป็นต้น และแน่นอนว่าหลายคนต้องแย้งว่าเรื่องนี้ทำไม่ได้เพราะค่าใช้จ่ายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปัจจัยในการดำรงชีวิตของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นสูตรนี้จึงเป็นแค่แนวทางให้ได้ลองนำไปใช้ หรือลองนำไปปฏิบัติดูเท่านั้น

 
สิ่งสำคัญสำหรับการมีเงินพอใช้ในยุคนี้อยู่ที่การบริหารจัดการของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ บางคนมีเงินเดือน 15,000 แต่มีรายได้เพิ่มจากทางอื่นรวมรายได้ต่อเดือนอาจถึง 20,000 -30,000 บาท หรือบางคนแต่งงานมีรายได้รวมกัน ตัวเลขเหล่านี้ก็ควรนำมาปรับใช้ในแต่ละครัวเรือน ที่สำคัญควรมีการแบ่งส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินเก็บ เงินออมเผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นด้วย
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
424
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด