บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
4.7K
2 นาที
28 กุมภาพันธ์ 2566
คนไทยหลบไป! ห้างทุนจีนมาแล้ว Samanea Plaza Thailand แหล่งค้าปลีก-ค้าส่งระดับนานาชาติ
 

เริ่มต้นปี 2566 หลังรัฐบาลเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาตั้งแต่กลางปี 2565 ได้ส่งผลดีต่อธุรกิจด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหารการกินต่างๆ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทย มีความคึกคักอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19

แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากการเปิดประเทศ นั่นคือ การเข้ามาของกลุ่มทุนจีน ค่อยๆ เพิ่มการลงทุนมากขึ้น ตั้งแต่ร้านอาหาร ภัตตาคาร ตลอดจนการห้างค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ "ซามาเนีย พลาซ่า" โครงการศูนย์กลางค้าปลีกเปิดพื้นที่ให้เช่าและเปิดร้านขายสินค้านำเข้าทุกประเภทจากจีน ถือเป็นศูนย์กลางแหล่งรวมสินค้านำเข้าจากจีนขนาดใหญ่โซนทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ  

 
เรื่องราวการรุกคืบของกลุ่มทุนจีนในโครงการ "ซามาเนีย พลาซ่า" และอื่นๆ จะส่งผลกระทบต่อคนไทยและธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยอย่างไร วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลมานำเสนอให้ทราบ
 
โครงการ "ซามาเนีย พลาซ่า" ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม 26 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ตรงข้ามปากทางเข้า ABAC บางนา ด้านหลังสำนักงานเป็นที่ตั้งอาคารพลาซ่าค้าปลีกและค้าส่ง ภายในมีการแบ่งเป็นห้องให้เช่าขายสินค้า ขณะนี้เปิดเฉพาะอาคาร B และ C เปิดให้ลูกค้าสามารถเดินเข้าไปซื้อสินค้าได้เหมือนกับห้างสรรพสินค้าทั่วไป  

 
สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากจีนโดยตรง มีความหลากหลาย ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ภายในบ้าน ของเล่น เสื้อผ้า สินค้าเบ็ดเตล็ด อุปกรณ์เครื่องมือช่าง ขุด เจาะ และอื่นๆ มากมาย ราคาถูก ขายปลีก-ขายส่ง สินค้าบางชนิดสามารถซื้อได้เลย บางชนิดจะต้องพรีออเดอร์ ราคาตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักพัน ซื้อปริมาณมากจะได้ลดราคา กลุ่มคนซื้อส่วนใหญ่มีทั้งประชาชาชนทั่วไปและพ่อค้าแม่ค้าซื้อไปขายต่อทั้งออนไลน์ออฟไลน์ ไม่เสียเวลาสั่งนำเข้า อีกทั้งสินค้านำเข้าจากจีนในโครงการฯ ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางหรือคนรับหิ้ว ทำให้ราคาจำหน่ายถูกกว่าซื้อตามร้านค้าทั่วๆ ไปในเมืองไทย
 

โครงการซามาเนีย พลาซ่า ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ เปิดตัวเมื่อปลายปี 2564 ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 330,000 ตารางเมตร โดยเฟส 1 โซนอาคารพลาซ่าค้าปลีกและค้าส่งสินค้า 50,000 ตารางเมตร มี 4 อาคาร ร้านค้ารองรับ 518 ร้านค้า โซนบริการ 100 ร้านค้า มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับและของใช้ทั่วไป อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ฟ้าและสินค้าไอที เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในบ้าน

ส่วนเฟส 2 เป็นแวร์เฮาท์และซามาเนียไทยแลนด์ ส่วนเฟส 3 เป็นโรงแรมออฟฟิศบิวดิ้ง และเฟส 4 เป็นคอนโดมิเนียม โดยเป้าหมายสร้างธุรกิจค้าส่งครบวงจรระหว่างประเทศ การเดินทางสะดวก  

สำหรับกลุ่มทุนจีนที่เป็นผู้บริหาร “ซามาเนีย พลาซ่า” ได้ร่วมกันเป็นกรรมการ 3 บริษัทในเมือไทย ได้แก่ 

 
บริษัท ซามาเนีย บางนา 02 จำกัด
  • จัดตั้ง 2 พ.ย.2559
  • ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท 
  • รายชื่อกรรมการ ประกอบด้วย นายเฉือก ฟ้ง อ้อ และ นายยูหลง ลี
  • ปี 2563 รายได้ 1.83 แสนบาท ขาดทุน 4.38 แสนบาท
  • ปี 2564 รายได้ 4.4 พันบาท ขาดทุน 4.7 แสนบาท
บริษัท ซามาเนีย บางนา จำกัด
  • จัดตั้ง 14 ธ.ค.2558
  • ทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท
  • รายชื่อกรรมการ ประกอบด้วย นายเหลียน เฮย วอง, นายยูหลง ลี และนายเฉือก ฟ้ง อ้อ
  • ปี 2562 รายได้ 81 ล้านบาท กำไร 31 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 17 ล้านบาท ขาดทุน 80 ล้านบาท ปี 2564 รายได้ 10 ล้านบาท ขาดทุน 41 ล้านบาท
บริษัท ซามาเนีย โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  • จัดตั้ง 25 พ.ย. 2558
  • ทุนจดทะเบียน 1,023 ล้านบาท
  • รายชื่อกรรมการ ประกอบด้วย นายเหลียน เฮย วอง, นายยูหลง ลี และนายเฉือก ฟ้ง อ้อ
  • ปี 2563 รายได้ 5.39 แสนบาท ขาดทุน 5.74 แสนบาท
  • ปี 2564 รายได้ 5.55 แสนบาท ขาดทุน 5.99 แสนบาท 
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 2566 มีรายงานข้อมูลชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย (ร้อยละ 27) เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 410 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 6 ราย (ร้อยละ 12) เงินลงทุน 9 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 5 ราย (ร้อยละ 10) เงินลงทุน 98 ล้านบาท และ จีน 3 ราย (ร้อยละ 6) เงินลงทุน 548 ล้านบาท
 
 
นอกจากนี้ การลงทุนในพื้นที่ EEC ซึ่งโซนทิศตะวันออกของไทย (ม.ค.66) มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มีมูลค่าการลงทุน 683 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของเงินลงทุนทั้งหมด แบ่งเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 632 ล้านบาท, จีน 2 ราย ลงทุน 48 ล้านบาท และสหราชอาณาจักร 1 ราย ลงทุน 3 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ บริการทางวิศวกรรมด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจวิศวกรรมยานยนต์, บริการเคลือบผิว (Surface Treatment) และ บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะและชิ้นส่วนพลาสติก เป็นต้น 
 
 

ภาพจาก www.facebook.com/SamaneaTH

จะเห็นได้ว่า กรณีกลุ่มทุนจีนบุกตลาดเมืองไทยมีทั้งดีและเสีย ข้อดีก็คือประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าได้ซื้อสินค้าจากเมืองจีนในราคาถูก ไม่ต้องเสียเวลาในการสั่งซื้อจากจีน หรือซื้อสินค้าจากร้านทั่วๆ ในราคาแพงๆ อีกทั้งสามารถสร้างรายได้จากขายออนไลน์สินค้านำเข้าจากเมืองจีนโดยตรงได้ง่ายขึ้น ส่วนข้อเสียหากร้านค้าเอสเอ็มอีเมืองไทยไม่สามารถปรับตัวได้อาจได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากจีนที่ขายราคาถูกกว่าจะไม่สามารถอยู่รอดได้ 
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
อ้างอิงข้อมูล
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
422
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด