บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
517
2 นาที
12 มีนาคม 2567
คนไทย หนี้ท่วม 90 % ต่อ GDP ขาดวินัย ใช้จ่ายเกินตัว เศรษฐกิจฟื้นช้า
 

ชีวิตหนี้! คือความจริงที่สุดในยุคนี้  คำนวณว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยเมื่อถึงสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP หรือราว 16.9 ล้านล้านบาท
 
ถ้ามองย้อนไป “สถานการณ์หนี้คนไทย” ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทรงและทรุด    
  • ปี 2564  มูลค่าหนี้โดยรวมประมาณ14.90 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.5% ต่อ GDP
  • ปี 2565  มูลค่าหนี้โดยรวมลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 14.13 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 86.8 ต่อ GDP
  • ปี 2566  มูลค่าหนี้โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 16.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.9% ต่อ GDP
และดูเหมือนว่า “ตัวเลขหนี้” จะไม่หยุดแค่นี้ ทั้งนี้ หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยเกิน 80% ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 และเกือบ 1 ใน 3 เป็นการก่อหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต หรือเรียกว่าเป็นหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ (NPL) ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียงอย่างมาเลเซียและจีนที่ 14% และ 13% ตามลำดับ
 
คนไทยมีรายได้แค่ไหน? ต้องใช้หนี้เท่าไหร่? 

  • ในปี 2565 รายได้คนไทยเฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 248,677.2 บาท
  • ในปี 2566 รายได้คนไทยเฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 263,332.9 บาท
  • แต่ในปี 2565 พบว่า หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 501,711 บาท
  • และในปี 2566 หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 559,408.70 บาท
แยกเป็นหนี้ในระบบ 80.2% และหนี้นอกระบบ 19.8% โดยมีภาระการผ่อนชำระ 16,742 บาทต่อเดือน เป็นหนี้ในระบบ 12,012.70 บาท ต่อเดือน หรือประมาณ 80.2% หนี้นอกระบบ 4,715.50 บาทต่อเดือน หรือ 19.8%
 
** เป็นตัวเลขจากค่าเฉลี่ย ตัวเลขที่แท้จริงมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละครัวเรือน **
 
สาเหตุของการเป็นหนี้อาจมาจากหลายปัจจัยแต่ก็มีการวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะ 3 เหตุผลหลักๆได้แก่
 
1.สภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้า
 

เงินเฟ้อที่สูง ต้นทุนสินค้าก็สูงตาม ในขณะที่รายได้เท่าเดิมหรือน้อยลง เท่ากับเป็นตัวเร่งให้คนไทยมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเยอะมาก แม้ภาพรวมในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะพอฟื้นตัวได้บ้าง โดยเฉพาะภาคการส่งออก แต่กระเป็นการฟื้นตัวแบบกระจุกอยู่กับที่ มีตัวเลขระบุอีกว่ากว่า 71% คือแรงงานในประเทศ บางส่วนจำเป็นต้องกู้ยืมเพื่อหาเงินมาเสริมสภาพคล่องให้กับตัวเองและครอบครัว
 
2.ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
 
เริ่มตั้งแต่ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น ก็ส่งให้คนที่กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือสินเชื่อเพื่อการลงทุนจำเป็นต้องรับภาระในการจ่ายหนี้ที่เพิ่มสูงมาก สวนทางกับรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดการกู้ยืมเงินจากแหล่งอื่นทั้งในและนอกระบบเพื่อนำมาชำระหนี้ ไม่นับรวมเรื่องความสามารถในการจ่ายหนี้ ที่หลายคนต้องขอพักชำระหนี้ หรือผ่อนผันซึ่งยิ่งทำให้ตัวเลขหนี้มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก
 
3.วินัยในการใช้จ่าย
 
คนไทยส่วนใหญ่ขาดวินัยในการใช้จ่าย ไม่มีการวางแผนด้านการเงินที่ดีพอ บางคนมีรายได้น้อยแต่ใช้จ่ายเกินตัว ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายตามกระแสวัตถุนิยมเช่นการซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น สังคมเป็นประเภท “วัตถุนิยม”  อย่างชัดเจน ส่งผลให้ยอดหนี้ในบัตรเครดิตคนไทยพุ่งสูงมาก เงินเดือนที่ได้ก็ต้องนำมาหักจ่ายหนี้ วนเวียกันไปแบบนี้ไม่รู้จบ
 
คนไทยเป็นหนี้อะไรมากที่สุด?

หนี้ของคนไทยส่วนใหญ่เป็นเรื่องอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก บางส่วนก็เป็นหนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อลงทุน แต่หากดูเชิงลึกพบว่าคนไทยเป็นหนี้ในการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน และหนี้บัตรเครดิตมากที่สุด

ผ่อนรถ 
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

ข้อมูลที่น่าตกใจระบุว่ากำลังมีรถที่จะเข้าสู่ตลาดประมูลมากถึง 200,000 คัน หรือถ้าดูจากสถิติของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ระบุว่าการยึดรถยนต์ ในปี 2566 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 - 30,000 คันต่อเดือน จากปี 2565 ที่อยู่ที่ประมาณ 20,000 คันต่อเดือน

ผ่อนบ้าน
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

ข้อมูลระบุว่า “สินเชื่อบ้าน” มีหนี้เสียถึง 1.8 แสนล้านบาท แปลว่า มีบ้านที่กำลังจะถูกยึดถึง 1.8 แสนหลัง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า31% และในจำนวนนี้เป็น หนี้ 1.2 แสนล้านบาท ที่มาจากการซื้อบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท
 
บัตรเครดิต
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

ในปีที่ผ่านมาพบว่า คนไทยมีหนี้บัตรเครดิตสูงถึง 546,000 ล้านบาท จากจำนวนผู้ถือบัตรเครดิต 23.8 ล้านใบ และคาดว่าในปี 2567 คนไทยที่เป็นหนี้จากบัตรเครดิตจะมีเพิ่มมากขึ้นด้วย
 
หากเจาะลึกไปอีกจะพบว่า กลุ่มคนอายุ 26 - 40  ปีเป็นกลุ่มที่ผ่อนบ้านและมี “หนี้เสีย” ในกลุ่มนี้เยอะมาก  ส่วนในกลุ่มอายุ 44 – 53 เป็นกลุ่มที่มีหนี้เสียจากการผ่อนรถมากที่สุด 
เรื่องของ “หนี้” ที่คนไทยเผชิญตอนนี้ไม่ได้มีผลกระทบแค่ตัวเอง แต่ยังกระเทือนไปถึงระดับประเทศ ยิ่งคนไทยเป็นหนี้มากก็จะยิ่งฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วยอันเนื่องจาก
  1. เมื่อจำนวนคนเป็นหนี้มีเยอะมากทำให้การลงทุนในด้านต่างๆ สะดุด เพราะลูกหนี้ต้องนำเงินไปชำระหนี้แทนที่จะนำไปซื้อบริการหรือลงทุน
  2. มีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนี้เสียเพราะปัจจุบันสัดส่วนหนี้เสียในธนาคารพาณิชย์มีสูงถึง 1.52 แสนล้านบาท
  3. การเป็นหนี้ทำให้คนมีความเครียดสะสมส่งผลลุกลามก่อปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาสุขภาพจิตของลูกหนี้และปัญหาอาชญากรรม ที่มีผลกระทบโดยตรงในสังคม
ภาระหนี้ของคนไทยตอนนี้มันคือวาระแห่งชาติที่ต้องหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ลุกลามมากขึ้น ซึ่งตามหลักแล้วภาระหนี้ของแต่ละครัวเรือนรวมแล้วไม่ควรให้เกิน 1 ใน 3 ของรายได้ ยกตัวอย่าง ถ้ามีเงินได้ต่อเดือน 20,000 บาท ภาระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 6,600 บาท แต่ในความเป็นจริงน้อยคนนักที่จะบริหารจัดการรายได้อย่างมีคุณภาพ ก็คงต้องมาดูกันต่อไปว่าสถานการณ์หนี้ของคนไทยจะไปสุดที่ตรงไหน และภาครัฐเองจะมีมาตรการอะไรมาสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่อง “หนี้”  ได้บ้าง
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
10 อาชีพหลังเกษียณ ทำแก้เหงา แถมได้เงิน
794
แฉ! จริงมั๊ย ผู้ผลิตจน พ่อค้าคนกลางรวย
710
ยุคนี้ อยากรวยยาว! เซ็ทธุรกิจตัวเองให้เป็น Desti..
641
20 ไอเดียธุรกิจใหญ่ ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีหุ้นส่วน
522
เศรษฐกิจไม่ฟื้น! ไตรมาส 2 ไม่แพ้ไตรมาสแรก 14 ธุร..
441
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! อ.สมเกียรติ อ่อนวิมล
423
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด