บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
788
2 นาที
12 มีนาคม 2567
คนไทย หนี้ท่วม 90 % ต่อ GDP ขาดวินัย ใช้จ่ายเกินตัว เศรษฐกิจฟื้นช้า
 

ชีวิตหนี้! คือความจริงที่สุดในยุคนี้  คำนวณว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยเมื่อถึงสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP หรือราว 16.9 ล้านล้านบาท
 
ถ้ามองย้อนไป “สถานการณ์หนี้คนไทย” ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในภาวะทรงและทรุด    
  • ปี 2564  มูลค่าหนี้โดยรวมประมาณ14.90 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.5% ต่อ GDP
  • ปี 2565  มูลค่าหนี้โดยรวมลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 14.13 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 86.8 ต่อ GDP
  • ปี 2566  มูลค่าหนี้โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 16.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.9% ต่อ GDP
และดูเหมือนว่า “ตัวเลขหนี้” จะไม่หยุดแค่นี้ ทั้งนี้ หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยเกิน 80% ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 และเกือบ 1 ใน 3 เป็นการก่อหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต หรือเรียกว่าเป็นหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ (NPL) ซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียงอย่างมาเลเซียและจีนที่ 14% และ 13% ตามลำดับ
 
คนไทยมีรายได้แค่ไหน? ต้องใช้หนี้เท่าไหร่? 

  • ในปี 2565 รายได้คนไทยเฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 248,677.2 บาท
  • ในปี 2566 รายได้คนไทยเฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 263,332.9 บาท
  • แต่ในปี 2565 พบว่า หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 501,711 บาท
  • และในปี 2566 หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 559,408.70 บาท
แยกเป็นหนี้ในระบบ 80.2% และหนี้นอกระบบ 19.8% โดยมีภาระการผ่อนชำระ 16,742 บาทต่อเดือน เป็นหนี้ในระบบ 12,012.70 บาท ต่อเดือน หรือประมาณ 80.2% หนี้นอกระบบ 4,715.50 บาทต่อเดือน หรือ 19.8%
 
** เป็นตัวเลขจากค่าเฉลี่ย ตัวเลขที่แท้จริงมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละครัวเรือน **
 
สาเหตุของการเป็นหนี้อาจมาจากหลายปัจจัยแต่ก็มีการวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะ 3 เหตุผลหลักๆได้แก่
 
1.สภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้า
 

เงินเฟ้อที่สูง ต้นทุนสินค้าก็สูงตาม ในขณะที่รายได้เท่าเดิมหรือน้อยลง เท่ากับเป็นตัวเร่งให้คนไทยมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเยอะมาก แม้ภาพรวมในปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะพอฟื้นตัวได้บ้าง โดยเฉพาะภาคการส่งออก แต่กระเป็นการฟื้นตัวแบบกระจุกอยู่กับที่ มีตัวเลขระบุอีกว่ากว่า 71% คือแรงงานในประเทศ บางส่วนจำเป็นต้องกู้ยืมเพื่อหาเงินมาเสริมสภาพคล่องให้กับตัวเองและครอบครัว
 
2.ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
 
เริ่มตั้งแต่ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น ก็ส่งให้คนที่กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือสินเชื่อเพื่อการลงทุนจำเป็นต้องรับภาระในการจ่ายหนี้ที่เพิ่มสูงมาก สวนทางกับรายได้ที่ไม่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดการกู้ยืมเงินจากแหล่งอื่นทั้งในและนอกระบบเพื่อนำมาชำระหนี้ ไม่นับรวมเรื่องความสามารถในการจ่ายหนี้ ที่หลายคนต้องขอพักชำระหนี้ หรือผ่อนผันซึ่งยิ่งทำให้ตัวเลขหนี้มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก
 
3.วินัยในการใช้จ่าย
 
คนไทยส่วนใหญ่ขาดวินัยในการใช้จ่าย ไม่มีการวางแผนด้านการเงินที่ดีพอ บางคนมีรายได้น้อยแต่ใช้จ่ายเกินตัว ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายตามกระแสวัตถุนิยมเช่นการซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น สังคมเป็นประเภท “วัตถุนิยม”  อย่างชัดเจน ส่งผลให้ยอดหนี้ในบัตรเครดิตคนไทยพุ่งสูงมาก เงินเดือนที่ได้ก็ต้องนำมาหักจ่ายหนี้ วนเวียกันไปแบบนี้ไม่รู้จบ
 
คนไทยเป็นหนี้อะไรมากที่สุด?

หนี้ของคนไทยส่วนใหญ่เป็นเรื่องอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก บางส่วนก็เป็นหนี้ที่กู้ยืมมาเพื่อลงทุน แต่หากดูเชิงลึกพบว่าคนไทยเป็นหนี้ในการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน และหนี้บัตรเครดิตมากที่สุด

ผ่อนรถ 
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

ข้อมูลที่น่าตกใจระบุว่ากำลังมีรถที่จะเข้าสู่ตลาดประมูลมากถึง 200,000 คัน หรือถ้าดูจากสถิติของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ระบุว่าการยึดรถยนต์ ในปี 2566 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 - 30,000 คันต่อเดือน จากปี 2565 ที่อยู่ที่ประมาณ 20,000 คันต่อเดือน

ผ่อนบ้าน
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

ข้อมูลระบุว่า “สินเชื่อบ้าน” มีหนี้เสียถึง 1.8 แสนล้านบาท แปลว่า มีบ้านที่กำลังจะถูกยึดถึง 1.8 แสนหลัง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า31% และในจำนวนนี้เป็น หนี้ 1.2 แสนล้านบาท ที่มาจากการซื้อบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท
 
บัตรเครดิต
 

ภาพจาก https://elements.envato.com

ในปีที่ผ่านมาพบว่า คนไทยมีหนี้บัตรเครดิตสูงถึง 546,000 ล้านบาท จากจำนวนผู้ถือบัตรเครดิต 23.8 ล้านใบ และคาดว่าในปี 2567 คนไทยที่เป็นหนี้จากบัตรเครดิตจะมีเพิ่มมากขึ้นด้วย
 
หากเจาะลึกไปอีกจะพบว่า กลุ่มคนอายุ 26 - 40  ปีเป็นกลุ่มที่ผ่อนบ้านและมี “หนี้เสีย” ในกลุ่มนี้เยอะมาก  ส่วนในกลุ่มอายุ 44 – 53 เป็นกลุ่มที่มีหนี้เสียจากการผ่อนรถมากที่สุด 
เรื่องของ “หนี้” ที่คนไทยเผชิญตอนนี้ไม่ได้มีผลกระทบแค่ตัวเอง แต่ยังกระเทือนไปถึงระดับประเทศ ยิ่งคนไทยเป็นหนี้มากก็จะยิ่งฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วยอันเนื่องจาก
  1. เมื่อจำนวนคนเป็นหนี้มีเยอะมากทำให้การลงทุนในด้านต่างๆ สะดุด เพราะลูกหนี้ต้องนำเงินไปชำระหนี้แทนที่จะนำไปซื้อบริการหรือลงทุน
  2. มีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหนี้เสียเพราะปัจจุบันสัดส่วนหนี้เสียในธนาคารพาณิชย์มีสูงถึง 1.52 แสนล้านบาท
  3. การเป็นหนี้ทำให้คนมีความเครียดสะสมส่งผลลุกลามก่อปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาสุขภาพจิตของลูกหนี้และปัญหาอาชญากรรม ที่มีผลกระทบโดยตรงในสังคม
ภาระหนี้ของคนไทยตอนนี้มันคือวาระแห่งชาติที่ต้องหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ลุกลามมากขึ้น ซึ่งตามหลักแล้วภาระหนี้ของแต่ละครัวเรือนรวมแล้วไม่ควรให้เกิน 1 ใน 3 ของรายได้ ยกตัวอย่าง ถ้ามีเงินได้ต่อเดือน 20,000 บาท ภาระหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 6,600 บาท แต่ในความเป็นจริงน้อยคนนักที่จะบริหารจัดการรายได้อย่างมีคุณภาพ ก็คงต้องมาดูกันต่อไปว่าสถานการณ์หนี้ของคนไทยจะไปสุดที่ตรงไหน และภาครัฐเองจะมีมาตรการอะไรมาสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่อง “หนี้”  ได้บ้าง
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
609
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
507
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
410
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด