บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.3K
2 นาที
18 มีนาคม 2567
ปี 2567 ชานมไข่มุกยุคนี้ แข่งกันที่อะไร? ทำไมจมทุนนานกว่าที่คิด
 

ชานมไข่มุกผูกผันอยู่กับชีวิตคนไทยมาช้านาน! ทุกวันนี้แทบจะกลายเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ ทั้งที่ความจริงต้นกำเนิดของชานมไข่มุกมาจากไต้หวันในปี 1988 และแพร่ขยายมายังประเทศไทยและในอีกหลายประเทศทั่วโลกซึ่งคนไทยก็รู้จักชานมไข่มุกมาตั้งแต่ปี 1990 
 
ถ้ามองในเรื่องมูลค่าการตลาดก็ยิ่งตอกย้ำว่าเติบโตมาก
  • ปี 2565 มีมูลค่าประมาณ 26,000 ล้านบาท
  • ปี 2566 มีมูลค่าตลาดประมาณ 100,000 ล้านบาท
และคาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่ารวมราว 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3.43 แสนล้านบาท
 
 
ยังไม่ใช่แค่นี้! จากข้อมูลยังระบุว่าตลาดชานมไข่มุกในเมืองไทยนี่คือใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2565 มีร้านชานมไข่มุกทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 31,000 แห่ง ส่วนในปี 2566 ที่ผ่านมาก็มีบรรดายักษ์ใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาเปิดตลาดชานมไข่มุกในเมืองไทยกันเยอะมาก
 
แต่ก็ต้องยอมรับความจริงอีกด้านเช่นกันว่า “ตลาดชานมไข่มุก” ที่โตเร็ว ย่อมหมายถึง “คู่แข่ง” ที่มากเป็นพิเศษ ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็เห็นร้านชานมไข่มุกอยู่ทุกตรอกซอกซอย ในเมื่อตัวเลือกมีมากขนาดนี้ คำถามคือ “เขาแข่งกันที่อะไร” และทั้งที่น่าจะขายดีแต่ทำไม “บางคนเปิดแล้วไม่รอด”
 
 
ลองมาดูที่การคำนวณต้นทุนของชานมไข่มุกกันก่อน ต่อแก้วโดยเฉลี่ยแล้วตกประมาณ 12-13 บาท (ต้นทุนเฉลี่ยของแต่ละร้านไม่เท่ากัน เป็นการยกต้นทุนโดยประมาณ) และเมื่อนำมาขายปลีกแก้วละ 30-35 บาท นั่นหมายความว่ามีกำไรต่อแก้วประมาณ 50% จากราคาขาย ในส่วนของวิธีคิด รายได้ขึ้นอยู่กับกำไรต่อหน่วยคูณด้วยปริมาณที่จำหน่ายได้ค่า เช่น ชาไข่มุกขายแก้วละ 30 บาท เฉลี่ยแล้วกำไรจะอยู่ที่ 12 บาทต่อแก้ว
 
ส่วนว่ากำไรเฉลี่ยต่อวันจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละวันเราขายได้กี่แก้ว และมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ มากแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องค่าเช่าพื้นที่ ค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น
 
 
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เปิดแล้วไปไม่รอดอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องการ “ควบคุมต้นทุน” อย่างเดียว แต่การแข่งขันในตลาดชานมทุกวันนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยได้แก่
  • เทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ยิ่งมีกระแสโซเชี่ยลเป็นตัวกระตุ้น อะไรที่มาใหม่คนมักชอบมากเป็นพิเศษ ดังจะเห็นว่าร้านชานมไข่มุกเปิดใหม่มีเมนูไอเดียเจ๋งๆ มักขายดีมากในช่วงแรก
  • เป็นสินค้า Emotiona คือการบริโภคเพื่อกระตุ้นอารมณ์เช่นดื่มคลายเครียด ดื่มเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย 
  • ถ้าแบรนด์ไหนมีจุดเด่นทั้งในเรื่องรสชาติ ราคา และบริการ ก็มีโอกาสสร้างกำไรในระยะยาวได้
  • ตลาดออนไลน์มีผลต่อยอดขายมาก เพราะคู่แข่งเยอะ ลูกค้ามีตัวเลือกมาก จึงต้องเฟ้นหารูปแบบการตลาดที่เจาะกลุ่มลูกค้าได้มาก อย่ารอให้ลูกค้ามาหาเอง ซึ่ง Application Food Delivery เป็นอีกรูปแบบที่ควรนำมาใช้
  • ต้องพัฒนาสินค้าต่อเนื่อง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบความจำเจ ร้านชานมไข่มุกเองก็ควรมีเมนูที่แปลกใหม่ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากลอง เป็นการสร้างกระแสให้ร้านเป็นที่รู้จักได้อีกทางด้วย
ส่วนสาเหตุที่หลายคนเปิดร้านแล้ว “ทุนจม” ขายเท่าไหร่ก็ไม่รวยสักทีนอกเหนือจากปัจจัยการแข่งขันที่สูง อีกส่วนก็คือการบริหารจัดการร้านที่ต้องมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งถ้าเป็นการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์จะมีทีมงานที่คอยวิเคราะห์ในเรื่องเหล่านี้และหาวิธีแก้ปัญหาให้คนลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากเราไม่ได้ลงทุนแบบแฟรนไชส์ ก็อาจต้องมาวิเคราะห์ด้วยตัวเองว่า ทำไมยอดขายเราถึงตก เพราะมีคู่แข่งมากขึ้น หรือเพราะบริการ / สินค้าของเราไม่ดี
 
 
ยิ่งรู้ปัญหาได้เร็วและแก้ไขได้อย่างตรงจุด ก็จะอุดรอยรั่วในการเปิดร้านชานมไข่มุก ที่จะทำให้เรามีกำไรได้ง่ายขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด หากใครคิดเข้ามาในตลาดชานมไข่มุกต้องยอมรับก่อนว่า “การแข่งขันสูงมาก” ถ้าเปิดร้านแล้วไม่มีการพัฒนาตัวเองให้ก้าวตามกระแสหรือเทรนด์ในโลกยุคใหม่ โอกาสเจ๊งจากธุรกิจนี้ก็มีสูงเช่นกัน
 

ติดตามได้ที่ Add LINE id: 
@thaifranchise
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
510
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
431
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
414
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
412
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด